posttoday

อีโคโบต เรือกล่องนมไม่จมน้ำ

17 สิงหาคม 2555

โดย...โยธิน อยู่จงดี

โดย...โยธิน อยู่จงดี

จากเหตุการณ์น้ำท่วมที่ผ่านมาและมีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นอีกในอนาคตอันใกล้ เราอย่างมองแค่ว่า กทม.จะท่วมอีกไหม แต่คำถามน่าใส่ใจมากกว่านั้นคือเราจะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่อีกได้อย่างไร? ต้องทำอย่างไรให้พื้นที่ต่างจังหวัดอย่าง จ.พระนครศรีอยุธยา ที่ต้องรับน้ำท่วมทุกปี? และคนกรุงเทพมหานคร (กทม.) จะช่วยซับน้ำตาเกษตรกรที่ต้องเสียผลผลิตในที่นาเพื่อเป็นที่รับน้ำให้คน กทม.

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทั้งโลกพยายามรณรงค์ลดการใช้พลังงานและหันมาหาสินค้ารีไซเคิลกันมากขึ้น ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ การนำกล่องนมมาทำเป็นหลังคาสีเขียวจากโครงการหลังคาเขียว เพื่อมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก จากนั้นเราได้นวัตกรรมสินค้ารีไซเคิลต่างๆ มากมายจากกล่องนมที่ร่วมรับบริจาคในโครงการ จนกระทั่งเราได้เห็นเรื่องอีโคโบต ที่ทำจากล่องนมรีไซเคิลล้วนๆ ลำนี้

อีโคโบต เรือกล่องนมไม่จมน้ำ

 

ทำไมอีโคโบตไม่เปียกน้ำ

หลายคนยังอาจสงสัยกันอยู่ว่าแล้วกระดาษที่ทำมาจากกล่องนมจะไม่เปียกน้ำหรือ หลักในการทำเรื่ออีโคโบตนี้ก็ไม่แตกต่างจากการทำหลังคาเขียวเท่าไหร่นัก เพราะใช้ส่วนที่เป็นพลาสติกในกล่องนมและอะลูมิเนียมฟอลย์เท่านั้น เพราะในกล่องนมนั้น มี 2 ประเภท คือ กล่องยูเอชที ซึ่งมีส่วนผสมกระดาษ อะลูมิเนียมฟอยล์และพลาสติก ประเภทโพลีเอทิลีนเป็นส่วนประกอบ และอีกแบบคือกล่องนมพาสเจอไรซ์ มีส่วนประกอบเป็นกระดาษและพลาสติกเท่านั้น แต่ทั้งสองแบบล้วนมีส่วนผสมของพลาสติกเพื่อไม่ให้เปียก ในขณะที่กระดาษซึ่งนำมาทำกล่องนมนั้น เป็นกระดาษที่มีเยื่อกระดาษแข็งแรงกว่ากระดาษทั่วไป

ขั้นตอนการทำอีโคโบต

การทำอีโคโบตนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดอยู่ที่ความร่วมมือของเราทุกคนว่า จะช่วยกันเก็บกล่องนมแล้วนำไปบริจาคตามจุดรับกล่องนม ที่ศูนย์การค้าบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ และตามจุดรับของมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก มากน้อยแค่ไหน เพราะถ้าไม่มีกล่องนมที่ใช้แล้ว อีโคโบตก็จะสร้างขึ้นมาไม่ได้เลย

แต่หากมีกล่องนมเพียงพอ ก็จะเข้าสู่ขั้นตอนการนำไปต้มปั่น เพื่อแยกกระดาษและพลาสติกออกจากกันเสียก่อน โดยกระดาษที่ได้จะนำไปทำลังกระดาษใหม่และหมุนเวียนกลับมาใช้ตลอดกาล ส่วนพลาสติกและอะลูมิเนียมฟอยล์ จะถูกตัดแยกมาที่โรงงานของ บริษัท ไฟเบอร์พัฒน์ เพื่อนำไปหลอมขึ้นรูปเป็นเรือที่โรงงานแห่งนี้

เริ่มจากนำพลาสติกโรยบนแผ่นโครงเหล็กเพื่อขึ้นรูปเรือ และนำไปอัดด้วยความร้อนให้พลาสติกและอะลูมิเนียมฟอยล์ละลาย จึงนำออกมาปรับแต่งขอบให้เรียบ

โดยเรืออีโคโบตจะมีขนาดประมาณ 1 x 2.40 เมตร ความหนา 1 นิ้ว น้ำหนักประมาณ 25 กก. นั่งได้ 3 คน และรับน้ำหนักได้ประมาณ 180 กก. มีต้นทุนราคาลำละ 900 บาท ซึ่งเป็นต้นทุนด้านการขนส่ง ผลิต และพลังงานที่ใช้ในการขึ้นรูปเรือ เราอย่าเพิ่งคิดว่าเรือลำนี้จะมีราคาถูกเพราะไม่ได้ผลิตออกมาใช้เชิงพาณิชย์อย่างเต็มตัว แต่มีจุดประสงค์เพียงเพื่อต้องการช่วยเหลือผู้ประสบภัยจริงๆ เท่านั้น

ดูแลง่ายกว่าที่คิด

เวลาที่เราใช้งานเรือลำนี้ไปแล้ว หากเกิดการชำรุด เช่น รั่วหรือมีรอยร้าวเล็กๆ ผู้ใช้งานก็ยังสามารถซ่อมแซมกันได้เอง โดยใช้กล่องเครื่องดื่มที่หาได้ใกล้ๆ ตัว นำมาแกะออกล้างเอาเนื้อกระดาษออกให้เหลือเพียงพลาสติกอะลูมิเนียม จากนั้นนำแผ่นเหล็กหรือมีดไปเผาไฟจนร้อนได้ที่ แล้วให้นำพลาสติกอะลูมิเนียมที่ได้จากกล่องเครื่องดื่มมานาบด้วยเหล็กร้อน ก็จะละลายกล่องเป็นเนื้อเดียวกับตัวเรือ เท่านี้ก็นำกลับมาใช้ต่อได้

นอกจากนี้ ยังมีข้อดีอีกอย่างก็คือ เป็นเรือที่ไม่มีวันจมยิ่งกว่าไททานิค เพราะจากการทดสอบกดให้จมน้ำทั้งลำ ไม่นานนักตัวเรือก็จะลอยขึ้นมาบนผิวน้ำเอง เวลาที่ไม่ได้ใช้งานก็ยังสามารถดัดแปลงเป็นบ่อเลี้ยงปลาหรือใส่ดินเป็นแปลงปลูกผัก ปลูกพืชผักสวนครัวภายในบ้านได้

ถ้าไม่อยากใช้งานต่อหรือเกิดอุบัติเหตุตกกระแทกจนแตกยากจะเยียวยา ก็ให้นำกลับมาที่โรงงานเพื่อขายต่อสำหรับหลอมใหม่อีกครั้งก็ยังไหว นับว่าเป็นเรือที่ไม่จมและไม่มีวันพังไปจากโลกจริงๆ ประชาชนที่น้ำท่วมบ้านบ่อยๆอย่าง จ.พระนครศรีอยุธยา ลองติดต่อได้ ที่ บริษัท ไฟเบอร์พัฒน์ โทร. 02-397-9453 ซึ่งต้องใช้เวลาในการสั่งทำพอสมควร แต่เมื่อเทียบกับราคาเรืออื่นๆ กับสิ่งที่ทำจากวัสดุรีไซเคิลแล้ว ก็นับว่าคุ้มค่าที่จะใช้งานบนโลกที่อยู่ยากขึ้นทุกวัน

ข่าวล่าสุด

‘เท้ง ณัฐพงษ์’ เยี่ยมศูนย์อพยพชายแดนไทย-กัมพูชา หวัง สถานการณ์คลี่คลาย