posttoday

สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงสืบสานพระพุทธศาสนา

22 กรกฎาคม 2555

ในมหามงคลอภิลักขิตกาลที่ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงเจริญพระชนมายุครบ 60 พรรษา

โดย...พระเทพคุณาภรณ์ (โสภณ โสภณจิตฺโต ป.ธ.9)

ในมหามงคลอภิลักขิตกาลที่ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงเจริญพระชนมายุครบ 60 พรรษา ในวันที่ 28 ก.ค. 2555 นี้ ประชาชนคนไทยต่างปลาบปลื้มยินดีปีติโสมนัส แซ่ซ้องในพระบุญญาธิการของพระองค์ ต่างร่วมใจจัดโครงการต่างๆ ปรารภวโรกาสนี้ เพื่อน้อมถวายเป็นพระราชสดุดีและเฉลิมพระเกียรติ

ทั้งนี้ ก็เพราะว่า นับตั้งแต่พระองค์เสด็จพระราชสมภพ เมื่อปี 2495 เป็นต้นมา ประชาชนชาวไทยต่างก็เฝ้าชื่นชมพระบารมีตามลำดับที่พระองค์ทรงเจริญวัย มีพระสุขภาพพลานามัยแข็งแรง เพียบพร้อมด้วยพระราชจริยวัตรและพระปรีชาสามารถเป็นที่ประจักษ์ ทั้งด้านการศึกษาการทหาร และการพระศาสนา

โดยเฉพาะในด้านการศาสนา นับได้ว่าพระองค์มีพระราชศรัทธา สืบสานพระพุทธศาสนาตามรอยพระยุคลบาทพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชบิดา ได้อย่างสมบูรณ์

ดังที่ปรากฏผ่านอภิลักขิตกาลมงคลวโรกาส และพระราชพิธีสำคัญๆ พระองค์ก็ได้ทรงประกาศพระราชศรัทธา ผ่านพระราชดำรัส และพระราชกรณียกิจเสมอๆ ดังเช่น

วันที่ 3 ม.ค. 2505 ก่อนที่จะเสด็จพระราชดำเนินไปทรงศึกษาที่ประเทศอังกฤษ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ก็ได้ทรงแสดงพระองค์เป็นพุทธมามกะที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ข้อนี้แสดงให้เห็นถึงพระราชศรัทธาในพระรัตนตรัยประการหนึ่ง อีกประการหนึ่งก็ทรงยึดมั่นในโบราณราชประเพณี ที่บุรพมหากษัตริยาธิราชเจ้าได้ทรงบำเพ็ญเป็นมงคลต้นแบบ

สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงสืบสานพระพุทธศาสนา

วันที่ 28 ก.ค. 2515 ประชาชนชาวไทยต่างมีความปลาบปลื้มปีติเป็นอย่างยิ่ง เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการประกาศสถาปนาพระองค์ขณะทรงดำรงพระราชอิสริยยศเป็นสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้าวชิราลงกรณ ขึ้นดำรงพระอิสริยยศเป็น สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมารมีพระนามาภิไธย ตามจารึกพระสุพรรณบัฏ ว่า

“สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร สิริกิตยสมบูรณสวางควัฒน์ วรขัตติยราชสันตติวงศ์ มหิตลพงศอดุลยเดช จักรีนเรศยุพราชวิสุทธิ สยามมกุฎราชกุมาร” ในมงคลวาระนั้น พระองค์ได้ถวายสัตย์ปฏิญาณในพระราชพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยา ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ซึ่งแสดงถึงน้ำพระราชหฤทัยที่ทรงมุ่งมั่นจะบำเพ็ญพระราชกรณียกิจ เพื่อชาติบ้านเมือง และประชาชนชาวไทย เป็นที่ซาบซึ้งประทับใจพสกนิกรเป็นอย่างยิ่งดังความที่ปรากฏว่า

“ข้าพระพุทธเจ้าขอพระราชทานกระทำสัตย์ปฏิญาณ สาบานต่อประเทศชาติและประชาชนชาวไทย เฉพาะพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เฉพาะพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ท่ามกลางสันนิบาตนี้ว่าข้าพเจ้าผู้เป็นสยามมกุฎราชกุมารจะรักษาเกียรติยศและอริยศักดิ์ ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานไว้ด้วยชีวิต จะภักดีต่อชาติบ้านเมือง จะซื่อสัตย์ต่อประชาชนจะปฏิบัติภาระหน้าที่ทุกอย่าง โดยเต็มกำลังสติปัญญาความสามารถและโดยความเสียสละ เพื่อความเจริญ สงบสุขและความมั่นคงไพบูลย์ของประเทศไทย จนตราบเท่าชีวิตร่างกายจะหาไม่”

ความดังกล่าวนี้ นับได้ว่าเป็นพระราชสัจจะที่ได้พระราชทานไว้ และทรงยึดมั่นในพระราชสัจจะนั้น ด้วยพระวิริยะอุตสาหะทรงมุ่งมั่นปฏิบัติพระราชกรณียกิจนานัปการ เพื่อประเทศชาติและประชาชนชาวไทย เจริญรอยตามเบื้องพระยุคลบาทพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในการบำบัดทุกข์บำรุงสุขแก่อาณาประชาราษฎร์ ตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ ตราบจนปัจจุบันนี้

วันจันทร์ที่ 6 พ.ย. 2521 พระองค์ทรงมีพระราชศรัทธาออกผนวชเป็นพระภิกษุในพระบวรพุทธศาสนา ณ พัทธสีมาพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม โดยมีสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (วาสนมหาเถร) สมเด็จพระสังฆราช วัดราชบพิธ เป็นพระราชอุปัชฌาจารย์ สมเด็จพระญาณสังวร วัดบวรนิเวศวิหาร เป็นพระราชกรรมวาจาจารย์ สมเด็จพระธีรญาณมุนี วัดจักรวรรดิราชาวาส เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับการถวายพระสมณนามว่า “วชิราลงฺกรโณ” และได้ประทับอยู่ ณ วัดบวรนิเวศวิหาร และทรงลาสิกขาในวันที่ 20 พ.ย. 2521

ระหว่างทรงผนวชได้ทรงศึกษาและปฏิบัติพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด

นอกเหนือจากพระราชกรณียกิจดังกล่าว ที่ทรงปฏิบัติเป็นประจำคือเสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ เพื่อทรงเปลี่ยนเครื่องทรงพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ตามฤดูกาล

สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงสืบสานพระพุทธศาสนา

เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา ได้แก่ วันมาฆบูชา วันวิสาขบูชา วันอาสาฬหบูชา วันเข้าพรรษา และการถวายผ้าพระกฐินหลวง ตามพระอารามต่างๆ

พระราชกรณียกิจดังกล่าว เป็นไปเพื่อความวัฒนาสถาพรแห่งพระพุทธศาสนาโดยแท้ เพราะในแต่ละครั้งที่เสด็จพระราชดำเนินไปในการบำเพ็ญพระราชกุศลต่างๆ นั้น จะมีประชาชนเข้าเฝ้า หรือรับเสด็จเป็นจำนวนมาก จึงเป็นโอกาสได้นำพาปวงพสกนิกรเข้าสู่บวรพระพุทธศาสนาอีกทางหนึ่ง

ส่วนพระราชกรณียกิจในการทรงอุปถัมภ์บำรุงพระพุทธศาสนาที่ปรากฏเสมอ คือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ในการทรงตั้งเปรียญธรรม พระราชทานแก่พระภิกษุสามเณรที่สอบไล่ได้เปรียบธรรม 6 ประโยค และ 9 ประโยค ในวันวิสาขบูชา ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม

สำหรับวัดเทวราชกุญชร เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร เปรียบเสมือนบุญญานุสรณ์ของพระองค์ เนื่องจากทรงพระกรุณาพระราชทานพระพุทธรูปสำคัญและสิ่งของต่างๆ ตลอดจนเสด็จพระราชดำเนินมาบำเพ็ญพระราชกุศลหลายครั้ง ยังความปลื้มปีติให้เกิดแก่พุทธศาสนิกชนชาววัดเทวราชกุญชรเป็นล้นพ้น จึงขอนำมากล่าวที่นี่เพียงบางส่วน

วันที่ 3 พ.ย. 2545 เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ พระราชทานพระพุทธรัตนโกสินทร์มหาวชิราลงกรณ ขนาดหน้าตัก 19 นิ้ว เพื่อประดิษฐานประจำพระแท่นบุษบกวัดเทวราชกุญชร

วันที่ 14 มิ.ย. 2548 เสด็จพระราชดำเนินมาทรงพระสุหร่าย ทรงเจิมพระพุทธรูปศิลปะสมัยต่างๆ จำนวน 9 องค์

วันที่ 18 มี.ค. 2549 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ เสด็จเป็นองค์ประธานประกอบพิธีเปิดพระวิหาร และสมโภชพระพุทธรูปศิลปะสมัยต่างๆ จำนวน 9 องค์

วันที่ 22 ม.ค. 2551 เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ ทรงประกอบพิธียกช่อฟ้าพระอุโบสถ และทรงยกฉัตรถวายพระพุทธเทวราชปฏิมากร

พ.ศ. 2552 เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ ทรงเป็นประธานประกอบพิธีเปิดอาคารพิพิธภัณฑ์สักทอง

วันที่ 4 เม.ย. 2554 เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ ทรงประกอบพิธีเททองหล่อพระพุทธรูปปางรำพึง ประจำวันศุกร์ นามว่า “พระสุกกวารโสภณภิธานวัฒนาธิสมบัติอัฏฐจัตตาฬีสพิสุทธิ์” เพื่อเป็นพุทธบูชา

พระราชกรณียกิจต่างๆ ที่กล่าวมานี้ เป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งของพระราชกรณียกิจทั้งหลาย ที่สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงบำเพ็ญเป็นพระมหากรุณาธิคุณแก่พสกนิกรชาวไทย โดยเฉพาะทรงอุปถัมภ์ค้ำชูพระพุทธศาสนา นับว่าเป็นการสืบสานพระพุทธศาสนาให้ยั่งยืนสถาพรสืบไป


ขอถวายพระพร

 

ข่าวล่าสุด

BOJ ยังไม่เร่งขึ้นดอกเบี้ย! SET แกว่งตัว เน้นย่อสะสมหุ้นกำไรเด่น