สักวัน ณ ปากเซ

โดย...กาญจน์ อายุ

มีวันหยุดแค่เสาร์-อาทิตย์ก็สามารถไปเที่ยวเมืองนอกได้ ถ้าเมืองนอกของคุณหมายถึงเมืองที่อยู่นอกประเทศไทย หากคำจำกัดความมีเท่านี้ “การเที่ยวเมืองนอก” ก็ไม่ใช่เรื่องยาก

เพราะ “ปากเซ” ในแขวงจำปาสัก เมืองใต้สุดของประเทศลาว อยู่ห่างจากประเทศไทยเพียงแค่ 1 ชั่วโมง ในกรณีที่คุณเป็นชาวช่องเม็ก หรืออยู่ห่างจากคุณ 3 ชั่วโมง ในกรณีที่คุณเป็นชาวอุบลราชธานี หรืออยู่ห่างจากคุณไม่ถึง 5 ชั่วโมง ในกรณีที่คุณเป็นคนกรุงเทพฯ และนั่งเครื่องบินมุ่งสู่ จ.อุบลราชธานี

ขออธิบายการเดินทางในกรณีสุดท้าย เพราะมันสามารถอธิบายอีกสองกรณีได้ในตัวมันเอง เส้นทางกรุงเทพฯ สู่ปากเซไม่มีอะไรยาก เส้นทางแรกเริ่มต้นจากกรุงเทพฯ สู่ จ.อุบลราชธานี คุณสามารถเลือกได้ว่าจะนั่งรถทัวร์หรือเครื่องบิน ถ้าใช้บริการรถทัวร์จะใช้เวลา 8-10 ชั่วโมง แต่ถ้าใช้บริการเครื่องบินจะย่นเวลาเหลือประมาณ 1 ชั่วโมง ส่วนวันที่อยากแนะนำคุณควรจะเดินทางในวันศุกร์หลังเลิกงาน เพื่อให้การเริ่มต้นทริปเป็นไปอย่างหลวมๆ ไม่รีบร้อน

เมื่อมาถึง จ.อุบลราชธานี แล้ว หากไม่มีรถโรงแรมมารับที่สนามบินคุณต้องใช้บริการแท็กซี่สถานเดียว โดยคุณต้องโทร.ให้แท็กซี่มารับที่เบอร์ 045-280-888 เสียค่าบริการ 20 บาท และเสียค่าแท็กซี่ตามมิเตอร์ แท็กซี่ในอุบลราชธานีมีราคาเริ่มต้นที่ 30 บาท แถมมิเตอร์ก็ขึ้นช้าจนคิดว่ามันจะไม่ขึ้นแล้ว ราคาแท็กซี่เป็นสิ่งสุดเซอร์ไพรส์สำหรับคนกรุงเทพฯ ที่มักเสียค่าแท็กซี่ราคาแพงราคาเริ่มต้น 35 บาท และมิเตอร์ก็ขึ้นเร็วเพียงหายใจไม่กี่ครั้ง

 

ส่วนโรงแรมใน จ.อุบลราชธานี ที่คุณต้องใช้เป็นที่พักตลอดทริปนี้มีเลือกหลายแห่ง แต่โรงแรมที่น่าจะชิกเหมาะแก่กลุ่มวัยรุ่นมากที่สุดน่าจะเป็นโรงแรม “เป็นตาฮัก” ภาษาอีสานที่แปลว่า น่ารักมากๆ และโรงแรมก็น่ารักสมชื่อ ด้วยงานศิลปะบนผนังที่มีให้ชมทั้งในล็อบบี้ ห้องอาหาร และห้องนอน โรงแรมอยู่ห่างจากสนามบิน 15 นาที ตั้งอยู่ในซอยสุขาอุปถัมภ์ 9 ซอยที่มีร้านอาหารอีสานรสแซ่บชื่อ “แซ่บซอย 9” อยู่หน้าปากซอย

ขอพูดถึงร้านอาหารนี้เล็กน้อย เพราะอาหารรสแซ่บได้ใจ บรรยากาศดี มีดนตรีสดเล่นเพลงอีสาน และราคาไม่แพง เล่นเอาคนกรุงเทพฯ เซอร์ไพรส์กับราคาอาหารเป็นเรื่องที่สอง จนอดคิดไม่ได้ว่าค่าครองชีพที่อุบลราชธานีถูกกว่ากรุงเทพฯ มาก ทั้งค่าเดินทาง ค่าอาหาร รวมไปถึงค่าที่พัก

ขอกลับมาที่โรงแรมเป็นตาฮัก โรงแรมโลเกชันดีที่คิดค่าห้องเริ่มต้นที่ 1,500 บาท สูงสุด 2,800 บาท พร้อมอาหารเช้าสำหรับสองท่าน ถือเป็นราคาที่ถูกอย่างยิ่งสำหรับโรงแรมในเมืองและมีสิ่งอำนวยความสะดวกในห้องครบครัน คืนแรกที่ จ.อุบลราชธานี คุณน่าจะประทับใจในเรื่องค่าครองชีพที่พอเหมาะและสมเหตุสมผล ความประทับใจที่หาได้ยากในเมืองหลวง

รุ่งเช้าถัดไปคุณต้องปลุกตัวเองให้ตื่นเช้าเสียหน่อย เพื่อให้มีเวลาในปากเซแบบเหลือเฟือ โดยคุณต้องไปขึ้นรถตู้อุบลราชธานีช่องเม็ก ที่ บ.ข.ส.อุบลราชธานี มีรอบให้บริการตั้งแต่ตีห้าครึ่งถึงหกโมงเย็น โดยรถจะออกทุกๆ ครึ่งชั่วโมง หรือหากขายตั๋วหมดก่อนรถก็จะออกเลย

ค่าโดยสารคนละ 100 บาท ใช้เวลาเดินทางหนึ่งชั่วโมงครึ่ง โดยระหว่างทางรถตู้จะจอดให้ตำรวจตรวจคนในรถเป็นระยะๆ เส้นทางเป็นถนนคอนกรีตราบเรียบและคนขับก็ขับอย่างมีวินัย การเดินทางวิธีนี้จึงค่อนข้างปลอดภัยและสะดวก แต่หากคุณไม่เลือกนั่งรถตู้คุณสามารถเลือกขึ้นรถ บ.ข.ส.ที่มีให้บริการที่ บ.ข.ส.อุบลราชธานี เวลา 09.30 น. และ 15.30 น. จุดหมายปลายทางอยู่ที่สถานีขนส่งหลักสองในตัวเมืองปากเซ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง

 

รถตู้จะมาหยุดที่จุดหมายด่านช่องเม็ก ทำเรื่องผ่านแดนเพียงแค่กรอกเอกสารออกนอกประเทศและยื่นพาสปอร์ตที่เหลืออายุมากกว่า 6 เดือน ใช้เวลาทำการไม่ถึง 5 นาที คุณก็จะทะลุมายังประเทศลาว

การเที่ยวเมืองนอกเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ

เมื่อออกจากประเทศไทยคุณจะต้องทำเรื่องเข้าประเทศลาว โดยกรอกเอกสารเข้าประเทศ ยื่นพาสปอร์ต และเสียค่าล่วงเวลา 50 บาท หรือ 1.5 หมื่นกีบ เพราะคุณเข้าประเทศลาวในวันเสาร์-อาทิตย์ การคำนวณเงินไทยลาวแบบง่ายที่สุดคือ จำไว้ว่า 40 บาท เท่ากับ 1 หมื่นกีบ

ที่ด่านวังเต่า ประเทศลาว ไปปากเซได้โดยการเดินไปขึ้นรถตู้ที่จอดรออยู่ห่างจากอาคารที่ทำเรื่องข้ามแดนเล็กน้อย เสียค่าโดยสาร 2 หมื่นกีบ แต่ก่อนจะถึงรถตู้คุณจะถูกชักชวนให้ขึ้นรถตู้ไปปากเซเช่นกัน คุณสามารถใช้บริการนี้ได้แต่ต้องตกลงราคากันให้ดี ราคาอย่างต่ำคิดคนละ 100 บาท รถตู้ทั้งสองประเภทใช้เวลาเดินทางไม่ต่างกันคือ ประมาณ 1 ชั่วโมง และจะไปจอดที่ตลาดดาวเรืองหรือตลาดดาวเฮืองเหมือนกัน

ตลาดดาวเรืองเป็นตลาดใหญ่ ขายทั้งของสด เครื่องเงิน เสื้อผ้า รองเท้า มือถือ เรียกได้ว่าขายทุกอย่างที่คนต้องการ เป็นตลาดที่คนปากเซใช้เป็นที่ซื้อข้าวของเครื่องใช้ แต่สำหรับคนต่างถิ่นเมื่อเดินแล้วก็ไม่อยากซื้ออะไร นอกจากเสื้อเบยลาว (เบียร์ลาว) หรือเสื้อที่มีอักษรลาวเป็นของฝาก ส่วนราคาสินค้าก็ไม่ต่างจากเมืองไทย จึงให้ความรู้สึกเหมือนเดินอยู่ตลาดนัดแถวบ้านแต่ขนาดใหญ่กว่า

 

เมื่อชิมบรรยากาศตลาดในปากเซให้รู้รสแล้ว คุณต้องมุ่งสู่เซ็นเตอร์พอยต์ของปากเซ โดยการเหมารถตุ๊กตุ๊กในราคาไม่เกิน 2.5 หมื่นกีบ บอกคนขับให้ไปที่โรงแรมลานคำ โรงแรมที่นักท่องเที่ยวต่างชาติเลือกพักกัน ถ้าหากคุณอยากพักที่ปากเซหนึ่งคืนก็สามารถพักได้ที่นี่ แต่ถ้าใครเลือกที่จะกลับอุบลราชธานีในเย็นวันนั้นก็ห้ามพลาดที่จะฝากท้องกับร้านเฝอหน้าโรงแรม ร้านเฝอหรือก๋วยเตี๋ยวขึ้นชื่อในปากเซ แต่เป็นเรื่องน่าเสียดายเสียหน่อย สำหรับคนที่ไม่บริโภคเนื้อเพราะเฝอร้านนี้เสิร์ฟแต่เนื้อไม่มีหมูหรือไก่ แต่เจ้าของร้านจะแนะนำให้ไปกินเฝอร้านฝั่งตรงข้าม เพราะร้านนี้ขายเฝอหมูไม่มีเนื้อ

สำหรับคนที่เลือกมาเช้าเย็นกลับสามารถเดินถ่ายรูปตึกรามบ้านช่อง และแวะดื่มกาแฟดับร้อนที่ร้านกาแฟที่มีให้เลือกหลายที่ เช่น ร้านกาแฟกะตวดที่อยู่ใกล้กับร้านเฝอลานคำ เสิร์ฟกาแฟรสชาติดี ราคาไม่แพง และบริการสัญญาณอินเทอร์เน็ตฟรี หรือจะเดินไปชมความสวยงามของวัดหลวงที่อยู่ติดแม่น้ำเซโดน วัดที่มีสถูปเก็บอัฐิของคนใหญ่คนโตในลาว มีความใหญ่และสวยงามเสมือนเจดีย์ในวัด ใกล้ๆ กับวัดเป็นสะพานข้ามแม่น้ำที่สามารถเดินไปชมความกว้างใหญ่ของแม่น้ำเซโดน และต้นไม้ริมฝั่งแม่น้ำที่เขียวชอุ่มให้ความสดชื่นที่ขัดกับแสงแดดเปรี้ยงกลางศีรษะ

แต่สำหรับคนที่พักค้างคืนที่ปากเซจะมีเวลาพอให้ไปดูน้ำตกที่อยู่ห่างจากปากเซไกลพอสมควร โดยคุณสามารถซื้อทัวร์วันเดย์ทริปกับคนขับรถตุ๊กตุ๊กหรือคนขับรถตู้ได้ น้ำตกที่น่าสนใจและอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมคือ ตาดเยื้องและตาดฟาน ทั้งสองแห่งอยู่ห่างจากตัวเมืองปากเซประมาณ 40 กิโลเมตร ตาดเยื้องสามารถเข้าไปชมได้ใกล้ชิด สายน้ำจะตกลงเป็นทางยาวไหลออกมาตามหน้าผากระทบกับโขดหินสีดำท่ามกลางธรรมชาติสีเขียว ส่วนตาดฟานจะมีขนาดใหญ่กว่า มีจุดเด่นอยู่ตรงสายน้ำ 2 สาย ที่ไหลลงจากหน้าผาสูงราว 120 เมตร ธรรมชาติเขียวชอุ่มไม่แพ้กัน แต่ถ้าต้องการใกล้ชิดน้ำตกต้องเดินลงเขาไกล 5 กิโลเมตร และห้ามพลาดกับการชมพระอาทิตย์ตกที่ปากเซ ส่งท้ายวันด้วยภาพสายน้ำโขงเป็นสีทองก่อนเปลี่ยนสีเป็นดำทะมึนท่ามกลางความมืด

ขากลับคุณต้องกลับไปขึ้นตู้ที่ตลาดดาวเรืองเช่นเดิม และต่อด้วยรถตู้ที่ท่ารถช่องเม็กอย่างในขามา แต่ถ้าต้องการนั่งรถ บ.ข.ส.จะมีรอบรถเวลา 15.30 น.

ใครที่เลือกมาปากเซแบบมาเช้าเย็นกลับจะมีเวลาไปใช้ชีวิตไม่เร่งรีบ และประหยัดที่อุบลราชธานีอีกหนึ่งวันก่อนจะกลับถึงกรุงเทพฯ ในวันอาทิตย์ แต่ใครที่เลือกค้างก็จะได้รับประสบการณ์ในปากเซมากกว่าและอาจเหนื่อยเล็กน้อยเมื่อกลับถึงบ้าน แต่ไม่ว่าค้างหรือไม่ค้างวันหยุดเสาร์อาทิตย์ของคุณก็สนุกและแปลกกว่าเดิมไม่ต่างกัน ลองคิดดูสิ...ถ้าเพื่อนถามว่าเสาร์อาทิตย์ไปไหนมา แล้วคุณตอบว่า “ปากเซ” เพื่อนๆ จะอึ้งกับคำตอบของคุณขนาดไหน

และเมื่อพอคุณพูดคำตอบสุดเจ๋งนั้นไปแล้วอย่าลืมชวนให้เพื่อนไปเที่ยวเมืองนอกในวันเสาร์อาทิตย์ดูบ้าง แล้วนำประสบการณ์มาแชร์กัน มาดูกันว่าวันนั้นที่ปากเซของคุณและเพื่อนของใครน่าอิจฉากว่ากัน