posttoday

เชื่อมโยง 2 ภาค อีสานล่องใต้

26 พฤษภาคม 2555

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จัดงาน Amazing Isan Road Show 2012

โดย...พงษ์ไทย วัฒนาวณิชย์วุฒิ

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จัดงาน Amazing Isan Road Show 2012 โดยการนำผู้ประกอบการธุรกิจในภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในภาคอีสาน 20 จังหวัด กว่า 100 ราย ไม่ว่าจะเป็นบริษัททัวร์ เจ้าของกิจการโรงแรม รีสอร์ต มาร่วมกิจกรรมส่งเสริมการขายสินค้าและบริการท่องเที่ยวในภาคใต้ที่ จ.นครศรีธรรมราช และ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างโอกาสให้กับผู้ประกอบการธุรกิจได้นำเสนอขายสินค้าและบริการท่องเที่ยวในพื้นที่ให้แก่ผู้ประกอบการในภาคใต้ และส่งเสริมให้เกิดการเดินทางเชื่อมโยงระหว่างภาคอีสานและภาคใต้ พร้อมทั้งเป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่ภาคอีสานให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น ตามแนวคิด “อีสาน แหล่งเรียนรู้ อู่อารยธรรม” นอกจากนั้นยังมีกิจกรรมวัฒนธรรมและประเพณีที่สอดคล้องกันไปตลอดทั้งปี เช่น การสัมผัสวัฒนธรรมโขง ชี มูล ปิดเทอมพาลูกๆ ไปเรียนรู้อารยธรรมอีสาน หลังฝนยลธรรมะและธรรมชาติ อีสานอัศจรรย์ พร้อมนำเสนอเส้นทางท่องเที่ยวที่จะได้สัมผัสวิถีชีวิตและวัฒนธรรมหลากหลายของภาคอีสาน เพราะภาคอีสานและภาคใต้ฝั่งอ่าวไทยเป็นพื้นที่ที่มีความแตกต่าง ทั้งลักษณะภูมิศาสตร์และวัฒนธรรม ทำให้สินค้าทางการท่องเที่ยวมีความแตกต่างกันอย่างมาก จึงถือเป็นโอกาสที่ดีที่ทำให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวเชื่อมโยงของทั้งสองภูมิภาค

เชื่อมโยง 2 ภาค อีสานล่องใต้

สำหรับแม่งาน พัฒน์มาศ วงศ์พัฒนศิริ ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ททท. สาวเลือดใต้โดยแท้ แม้จะพิสมัยการแต่งตัวแบบแม่หญิงชาวเหนือ แต่มานั่งทำงานให้ภาคอีสาน ท่านเชื่อมั่นในแบบของสาวมั่นว่าแหล่งท่องเที่ยวของภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะสามารถสร้างความสนใจให้กับผู้ประกอบการใน จ.นครศรีธรรมราช และ จ.สงขลา ได้ เนื่องจากภาคอีสานมีความโดดเด่นทั้งในเรื่องของแหล่งท่องเที่ยวที่มีความหลากหลายและแตกต่างจากแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดทางภาคใต้ โดยอีสานนั้นมีความเด่นและความอัศจรรย์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นบั้งไฟพญานาค การชมแสงอาทิตย์ส่องผ่านบานประตูที่ปราสาทพนมรุ้ง เส้นทางการเรียนรู้อารยธรรมโลกล้านปี การตามรอยพระบูรพาจารย์แห่งแดนอีสาน หรือการท่องเที่ยวแบบชิกแอนด์ชิลที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ ด้วยความพิเศษและหลากหลายนี่เองที่จะทำให้ผู้ประกอบการทั้งสองจังหวัดต่างให้ความสนใจกันอย่างคึกคัก นอกจากได้เข้าร่วมสังเกตการณ์งานโรดโชว์ครั้งนี้แล้ว คณะผู้ประกอบการฯ และสื่อมวลชนยังได้มีโอกาสเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ ของ จ.นครศรีธรรมราช และสงขลาอีกด้วย เริ่มจาก

หมู่บ้านคีรีวง ต.กำโลน อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช หมู่บ้านแห่งนี้เป็นที่ท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ตั้งอยู่ท่ามกลางขุนเขาเขียวขจีของเทือกเขาหลวง มีลำธารน้ำใสสะอาดไหลผ่านกลางหมู่บ้าน อากาศก็บริสุทธิ์สดชื่นเย็นสบายเกือบทั้งปี แถมยังมีการจัดการการท่องเที่ยวที่ยอดเยี่ยมจนได้รับรางวัลกินรี ในประเภทเมืองและชุมชน เล่ากันว่า หมู่บ้านคีรีวงมีอายุเก่าแก่กว่า 200 ปี ชาวบ้านที่นี่ส่วนใหญ่มีวิถีชีวิตพอเพียง เรียบง่าย สงบ ปลูกผลหมากรากไม้แบบผสมผสาน หรือที่คนปักษ์ใต้เรียกกันว่า “สวนสมรม” ซึ่งผลไม้ที่มีมากในชุมชนนี้คือ มังคุด เงาะ ทุเรียน สะตอ ฯลฯ ด้วยความที่อยู่กับธรรมชาติ มีวัสดุเหลือเฟือโดยไม่ต้องซื้อหา จึงมีการจัดตั้งกลุ่มมัดย้อมสีธรรมชาติคีรีวง โดยกลุ่มแม่บ้านทำผ้ามัดย้อมสีจากธรรมชาติจากใบและเปลือกมังคุด ใบเพกา ลูกเนียง แกนขนุน เปลือกสะตอ มาตัดเป็นเสื้อ กางเกง กระเป๋า ผ้าบาติก สบู่เปลือกมังคุด ขายทั้งในและต่างประเทศเพื่อเป็นรายได้พิเศษหลังว่างจากการทำสวนผลไม้ หากนักท่องเที่ยวได้เข้าไปก็จะได้เห็นหรือลองทำด้วยตัวเอง แถมยังได้เลือกซื้อสินค้าดีมีคุณภาพระดับโอท็อป 5 ดาวของ จ.นครศรีธรรมราช เลยทีเดียว สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ อารีย์ ขุนทน ประธานกลุ่ม 08-1787-2934

เชื่อมโยง 2 ภาค อีสานล่องใต้

พิพิธภัณฑ์หนังตะลุง บ้านหนังสุชาติ ทรัพย์สิน ศิลปินแห่งชาติสาขาการแสดง (การแสดงพื้นบ้าน) บ้านหนังตะลุง ต้นแบบของการแสดงวัฒนธรรมท้องถิ่นของภาคใต้ ซึ่งผลงานของบ้านหนังตะลุงสุชาติได้รับรางวัลยอดเยี่ยมอุตสาหกรรมท่องเที่ยว (ไทยแลนด์ ทัวริสซึม อะวอร์ด) ประจำปี 2539 ที่สำคัญได้แบ่งพื้นที่ไว้จัดพิพิธภัณฑ์ ที่จัดแสดงเกี่ยวกับเครื่องมือเครื่องใช้พื้นบ้านและพิพิธภัณฑ์หนังตะลุงนานาชาติจากที่เคยไปตระเวนแสดงและโชว์ทั้งในและต่างประเทศมากมาย นอกจากนี้ ยังมีการสาธิตการแกะรูปหนังตะลุง นับเป็นแหล่งศึกษาและเรียนรู้สำหรับบุคคลรุ่นหลังได้เป็นอย่างดี เป็นการอนุรักษ์วัฒนธรรมและประเพณีไม่ให้สูญหายไป เพราะการแสดงหนังตะลุงนั้นถือเป็นเอกลักษณ์ที่สำคัญของภาคใต้ ลุงสุชาติในวันนี้แม้กาลเวลาจะล่วงเลยมาถึงอายุ 74 ปี อาจจะอ่อนล้าไปบ้าง แต่โดยรวมสุขภาพก็ยังแข็งแรง ออกมาต้อนรับแขกผู้มาเยือนเสมอ พิพิธภัณฑ์เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 09.00-17.00 น. ทุกวัน โทร. 075-346-394

เมืองเก่าสงขลา ตัวเมืองสงขลาแต่เดิมตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของทะเลสาบ เรียกว่า “เมืองสงขลาฝั่งแหลมสน” จนกระทั่ง พ.ศ. 2385 จึงขยายมาทางฝั่งทิศตะวันออก บริเวณ ต.บ่อยาง เรียกกันว่า “เมืองสงขลาฝั่งบ่อยาง” ทั้งเคยเป็นเมืองท่าศูนย์กลางการค้าและเดินเรือที่สำคัญของภูมิภาคนี้ในอดีต ด้วยความที่เคยเป็นเมืองท่าที่มีพ่อค้าชาวต่างประเทศแวะเวียนเข้ามาทำการค้าอยู่ตลอดเวลา เพราะสภาพพื้นที่เป็นอ่าว เหมาะสำหรับการพักหาเสบียง เติมน้ำ หลบลมมรสุม รอกระแสลมเดินทางต่อไปยังจุดหมายอื่นๆ ทำให้รูปแบบการสร้างตึกรามบ้านช่องในช่วงการขยายตัวของเมืองใหม่ จึงได้รับเอาแนวความคิดรูปแบบต่างๆ มาจากวัฒนธรรมชนชาติที่ทำธุรกิจร่วมกัน โดยเฉพาะชาวจีนโพ้นทะเล รูปทรงของอาคารมีทั้งแบบเรือนแถวแบบไทย เรือนแถวแบบจีน เรือนแถวแบบชิโน-โปรตุกีส

เชื่อมโยง 2 ภาค อีสานล่องใต้

เขาตังกวน เป็นภูเขาลูกเล็กๆ ตั้งอยู่บริเวณปลายแหลมในตัวเมืองสงขลา ทางไปแหลมสนอ่อน บนยอดเขาตังกวนเป็นจุดชมวิวและเหมาะกับการถ่ายภาพสำหรับคนที่ชื่นชอบการถ่ายภาพ ด้านบนเป็นที่ประดิษฐานเจดีย์พระธาตุคู่เมืองสงขลา ซึ่งสร้างในสมัยอาณาจักรนครศรีธรรมราช เป็นศิลปะสมัยทวารวดี ในเดือน ต.ค.ของทุกปีจะมีพิธีห่มผ้าองค์เจดีย์ ประเพณีลากพระและตักบาตรเทโว และยังสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของเมืองสงขลาและบรรยากาศสองทะเล คือทะเลอ่าวไทยกับทะเลสาบสงขลา และก่อนถึงยอดเขาตังกวนจะมีศาลาวิหารแดง (พลับพลาที่ประทับ) ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้พระยาวิเชียรคีรี (ชม) ผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลาในสมัยนั้น สร้างพลับพลานี้ถวายตามพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อ พ.ศ. 2431 บริเวณด้านล่างเขาตังกวนมีลิงอาศัยอยู่จำนวนมาก การขึ้นยอดเขาตังกวนก็มีทั้งลิฟต์และบันไดให้เลือกขึ้น แล้วแต่สะดวก สำหรับผมขอถนอมหัวเข่าใช้บริการลิฟต์ดีกว่า

ก่อนปิดทริปพวกเรายังได้ไปสนุกแบบชิลชิลจนลืมแก่กันที่สวนสาธารณะ ด้วยการนั่งกระเช้าลอยฟ้า (Hatyai Cable Car) ซึ่งเป็นจุดชมวิวสามารถมองเห็นหาดใหญ่ทั้งเมือง เหมาะแก่การถ่ายรูปอีกเช่นกัน กระเช้านี้เป็นหนึ่งในนโยบายของไพร พัฒโน นายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ เพื่อสร้างจุดขาย เพิ่มความน่าสนใจ ยกระดับการท่องเที่ยว และอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์บนยอดเขาภายในสวนสาธารณะเทศบาลนครหาดใหญ่ จึงได้ดำเนินการก่อสร้างกระเช้าลอยฟ้าในระยะที่ 1 เส้นทางจากพระพุทธมงคลมหาราชไปยังศาลาท้าวมหาพรหม ระยะทางรวม 535 เมตร พอลงจากกระเช้าพวกเราลากขาสั้น รองเท้าแตะ เข้าไอซ์โดมต่อเลย ด้านในอุณหภูมิติดลบถึง 15 องศาเซลเซียส คิดดูเอาเถิด ถึงแม้จะมีเสื้อกันหนาวกับถุงมือให้ก็ตาม แทบจะแข็งไปทั้งตัว ข้างในมีการจัดแสดงผลงานประติมากรรมน้ำแข็งประดับแสงสีตระการตาในรูปแบบต่างๆ โดยช่างชาวจีนจากเมืองฮาร์บิน มณฑลเฮยหลงเจียง สาธารณรัฐประชาชนจีน ในสวนสาธารณะนครหาดใหญ่นี้ ถือได้ว่าเป็นการเติมเต็มประสบการณ์ด้านการท่องเที่ยวที่แปลกใหม่ และสร้างภาพลักษณ์ของ อ.หาดใหญ่ สู่ความเป็นสากล อีกทั้งยังเป็นการสอดคล้องกับโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวในสวนสาธารณะ โดยการรวบรวมแหล่งท่องเที่ยว อาทิ พระพุทธมงคลมหาราช พระโพธิสัตว์กวนอิม ท้าวมหาพรหม ซึ่งถือเป็นกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวให้เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ จนสามารถกำหนดเป็นรูปแบบการท่องเที่ยวที่น่าตื่นตาตื่นใจ อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเทศบาลนครหาดใหญ่


 

 

ข่าวล่าสุด

นาวิกโยธินเจ็บเหยียบกับระเบิด บ้านหนองรี หลังเคลียร์พื้นที่คืนจากกัมพูชา