posttoday

พระเทพวิสุทธิโมลี (อุทัย อุทโย) พระเถระที่มรณภาพในหน้าที่

15 เมษายน 2555

คณะสงฆ์ต้องสูญเสียพระเทพวิสุทธิโมลี (อุทัย อุทโย) พระเถระความรู้ระดับ ป.ธ. 9 มหาบัณฑิตทางรัฐประศาสนศาสตร์

โดย...สมาน สุดโต

คณะสงฆ์ต้องสูญเสียพระเทพวิสุทธิโมลี (อุทัย อุทโย) พระเถระความรู้ระดับ ป.ธ. 9 มหาบัณฑิตทางรัฐประศาสนศาสตร์จากมหาวิทยาลัยปัญจาบ อินเดีย รองเจ้าคณะภาค 3 และเจ้าอาวาส วัดพระพิเรนทร์ เมื่อท่านมรณภาพเพราะติดเชื้อในกระแสเลือด ในเวลา 11.25 น. วันที่ 30 มี.ค. 2555 ที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ หลังจากเข้ารักษาตัวเมื่อวันที่ 24 มี.ค. ทันทีที่เดินทางกลับด่วน จากการนำข้อสอบธรรมศึกษาไปเปิดสอบที่วัดญาณปทีป โอ๊คแลนด์ ประเทศนิวซีแลนด์ ตามที่ได้รับมอบหมายจากแม่กองธรรมสนามหลวง นับว่าท่านมรณภาพเนื่องจากการไปปฏิบัติหน้าที่ของคณะสงฆ์

ประวัติตนเองที่พระเทพวิสุทธิโมลีเขียนไว้เมื่อได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ที่พระปิฎกโกศล เมื่อ พ.ศ. 2541 ว่า ท่านมีนามเดิมว่า อุทัย อุทโย นามสกุล สุดธรรมมา เกิดที่บ้านขนมจีน บ้านเลขที่ 23 หมู่ 9 ต.บางปลาม้า อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี เมื่อวันศุกร์ ขึ้น 7 ค่ำ เดือนอ้าย ปีมะแม ตรงกับวันที่ 3 เดือน ธ.ค. 2486 เป็นบุตรของนายพิศ นางทอง สุดธรรมมา มีพี่น้อง 2 คนคือ นางอุไรวรรณ ทับทิมดี น้องสาว

ในสมัยเยาว์วัย ก็เหมือนกับเด็กธรรมดาทั่วๆ ไป พออายุได้ 8 ปี ก็เข้ารับการศึกษาภาคบังคับ ที่โรงเรียนประชาบาล วัดมะนาว ต.ทับตีเหล็ก อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี จนจบชั้นประถมปีที่ 4 ปี พ.ศ. 2497 ขณะมีอายุได้ 11 ปี หลังจากนั้น ตั้งใจจะเข้ารับการศึกษาต่อในระดับชั้นมัธยมที่โรงเรียนประจำจังหวัด คงจะเป็นด้วยบุญบารมีแต่เก่าก่อนในอดีตชาติที่เคยสั่งสมอบรมมา จึงปิดทางไม่ให้ดำเนินชีวิตไปในทางโลก ทำให้เกิดเหตุขัดข้องจนไม่สามารถไปศึกษาต่อในระดับมัธยมศึกษาได้

พระเทพวิสุทธิโมลี (อุทัย อุทโย) พระเถระที่มรณภาพในหน้าที่

ปี พ.ศ. 2499 อายุได้ 13 ปี บรรพชาเป็นสามเณรที่วัดมะนาว ต.ทับตีเหล็ก อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี เมื่อวันเสาร์ แรม 11 ค่ำ เดือน 6 ปีวอก ตรงกับวันที่ 5 เดือน พ.ค. 2499 และอุปสมบทปี 2507 โดยมีพระครูเกศีคุณาธร (สิงห์โต) เจ้าอาวาสวัดมะนาว เจ้าคณะตำบลทับตีเหล็ก ซึ่งเป็นหลวงลุงเป็นพระอุปัชฌาย์

การเรียนนั้นสอบนักธรรมสนามหลวงชั้นโทได้ใน พ.ศ. 2501 มาเรียนภาษาบาลีที่วัดลานคา ต.โคกคราม อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี สอบ ป.ธ.3 ได้ ในปี พ.ศ. 2505 ได้ย้ายเข้ามาศึกษาต่อที่กรุงเทพฯ เข้าสังกัดวัดบางขุนเทียนใน ต.บางมด อ.บางขุนเทียน จังหวัดธนบุรี สอบได้ถึง ป.ธ. 7 ได้ย้ายมาอยู่วัดพระพิเรนทร์ แม้ว่าอยากไปอยู่วัดเบญจมบพิตรมากก็ตาม

พ.ศ. 2512 สอบบาลีสนามหลวงชั้น ป.ธ.8 ได้ สังกัดวัดพระพิเรนทร์ ในนามสำนักเรียนวัดพระพิเรนทร์

พ.ศ. 2514 สำเร็จการศึกษาชั้นปริญญาตรี ศาสนศาสตรบัณฑิต (ศน.บ.) จากสภาการศึกษามหามกุฎราชวิทยาลัย แล้วถูกส่งไปปฏิบัติศาสนกิจตามกฎของสภาการศึกษาฯ 1 ปี ที่วัดเทวสังฆาราม ต.บ้านเหนือ อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ครบกำหนดแล้วกลับมาอยู่วัดพระพิเรนทร์ ต่อมาใน พ.ศ. 2516 จู่ๆ ก็ได้รับหนังสือจากสภาการศึกษามหามกุฎราชวิทยาลัย โดยพระเดชพระคุณพระเทพกวี (ต่อมาเป็นสมเด็จพระญาณวโรดม เจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทราวาส) เลขาธิการสภาการศึกษามหามกุฎราชวิทยาลัย สมัยนั้นนิมนต์ให้ไปช่วยงานที่สภาการศึกษามหามกุฎราชวิทยาลัย จึงได้เข้าทำงานที่มหาวิทยาลัยสงฆ์แห่งนั้น นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

พ.ศ. 2518 สอบบาลีสนามหลวงชั้น ป.ธ.9 ได้ สังกัดวัดพระพิเรนทร์ ในนามสำนักเรียนวัดพระพิเรนทร์

พ.ศ. 2521 ไปศึกษาสาขาบริหารที่เรียกว่า Pubilc Administration (รัฐประศาสนศาสตร์) ที่มหาวิทยาลัยปัญจาบ จบ M.A. (Pubilc Ad.) จบแล้วมาปฏิบัติหน้าที่ต่อที่การศึกษามหามกุฎราชวิทยาลัย เรื่อยมา

พ.ศ. 2528 วันที่ 4 เดือน มิ.ย. 2528 ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระพิเรนทร์

พ.ศ. 2529 วันที่ 26 เดือน พ.ค. 2529 ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรองเจ้าอาวาสวัดพระพิเรนทร์

พ.ศ. 2531 พระครูกิตติญาณประยุต (ประสม) เจ้าอาวาสวัดพระพิเรนทร์องค์ก่อนมรณภาพลง จึงได้รับการแต่งตั้งให้รักษาการในตำแหน่งเจ้าอาวาสและเจ้าสำนักเรียนวัดพระพิเรนทร์

พ.ศ. 2532 วันที่ 24 เดือน ต.ค. 2532 ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสและเจ้าสำนักเรียนวัดพระพิเรนทร์

พ.ศ. 2534 วันที่ 1 พ.ศ. 2534 ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าคณะแขวงป้อมปราบฯ เขต 2

พระเทพวิสุทธิโมลี (อุทัย อุทโย) พระเถระที่มรณภาพในหน้าที่

 

พ.ศ. 2535 วันที่ 15 เดือน ก.พ. 2535 ได้รับตราตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์

พ.ศ. 2540 วันที่ 31 เดือน ธ.ค. 2540 ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าคณะเขตป้อมปราบฯปทุมวัน

ส่วนสมณศักดิ์นั้น วันที่ 5 ธ.ค. 2541 เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญ ที่พระปิฎกโกศล

พ.ศ. 2547 ได้เลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นราชที่พระราชปริยัติเวที

และ พ.ศ. 2553 ได้เลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นเทพที่ พระเทพวิสุทธิโมลี

ส่วนตำแหน่งทางด้านปกครองนั้น ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองเจ้าคณะภาค 3 (จ.สิงห์บุรี ลพบุรี ชัยนาท และอุทัยธานี) เมื่อ พ.ศ. 2549

พระธรรมเจดีย์ (ประกอบ ป.ธ. 9 Ph. D.) เจ้าคณะภาค 13 เจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตร กล่าวถึงตำแหน่งรองเจ้าคณะภาค 3 ของพระเทพวิสุทธิโมลี ว่าสมเด็จพระมหาธีราจารย์ (นิยม ป.ธ.9) อดีตเจ้าคณะใหญ่หนกลาง ได้มอบความไว้วางใจให้เป็นรองเจ้าคณะภาค 3 เพื่อบูชาคุณอดีตพระเทพคุณาธาร (ผล ชินปุตฺโต) อดีตเจ้าอาวาสวัดพระพิเรนทร์ อดีตเจ้าคณะภาค 8 ที่มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ในหลายๆ ด้าน ทั้งด้านสาธารณูปการ การก่อสร้างถาวรวัตถุ เช่น เมรุเผาศพในวัดต่างๆ โรงพยาบาลสงฆ์ และการส่งเสริมการศึกษาของพระสงฆ์ จนเป็นที่ประทับใจของพระเถระทั้งหลาย แม้ว่าท่านได้มรณภาพไปแล้ว เมื่อ พ.ศ. 2512 ก็พระเถระทั้งหลายยังรำลึกถึงคุณงามความดีไม่รู้ลืม ดังเช่นที่อดีตสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ฟื้น ชุตินธโร) วัดสามพระยา รับเป็นเจ้าภาพกัณฑ์เทศน์ในงานทำบุญวันมรณภาพ 7 ต.ค. ทุกปี เมื่อสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์มรณภาพ พระพรหมดิลก (เอื้อน ป.ธ.9 Ph.D.) เจ้าอาวาสวัดสามพระยา ได้สานเจตนารมณ์ต่อมาถึงปัจจุบัน

ขณะที่เป็นเจ้าคณะเขต ได้จัดตั้งสภาเขตของสงฆ์ใน กทม. และจัดให้มีการประชุมปรึกษาหารือกันทุกเดือน เมื่อได้รับแต่งตั้งเป็นรองเจ้าคณะภาค 3 รับผิดชอบด้านการศึกษา ก็ปฏิบัติหน้าที่โดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ถึงกับเปลี่ยนรถยนต์ที่เป็นรถเก๋งธรรมดา เป็นโฟร์วีลส์ เพื่อสะดวกในการเดินทางดูงานคณะสงฆ์ในภาค ผลงานที่ท่านทำต่อเนื่องจนวาระสุดท้าย คือการดำเนินโครงการอบรมนักเรียนบาลีก่อนสอบ โดยจัดที่วัดพิกุลทอง สิงห์บุรี นอกจากนั้นก็รับนิมนต์เป็นวิทยากรบรรยายและอบรม พระสงฆ์ และอุบาสกอุบาสิกาในภาค 3 เป็นประจำทุกเดือน โดยเฉพาะในช่วงเข้าพรรษา

ส่วนงานด้านสงเคราะห์ ที่ท่านสานต่อจากอดีตเจ้าอาวาสวัดพระพิเรนทร์คือการเผาศพพระภิกษุที่ไม่มีญาติซึ่งมรณภาพที่โรงพยาบาลสงฆ์ทุกปี ปีละหลายรูป กลายเป็นประเพณีของวัดพระพิเรนทร์อย่างหนึ่งในช่วงวันสงกรานต์ นอกจากทำบุญรวมญาติและสรงน้ำพระ

นอกจากเผาศพประชาชนที่ไม่มีญาติ หรือญาติไม่มีทรัพย์เพียงพอ ที่ทำเป็นประจำ

ในฐานะเลขาธิการสหภูมิสงฆ์สุพรรณบุรี ได้สร้างความเป็นปึกแผ่นให้กับสหภูมิสงฆ์สุพรรณบุรี รวมทั้งจัดหาของที่ระลึกถวายพระเถระสมาชิกสหภูมิที่สอบนักธรรมบาลีได้ หรือได้รับเลื่อนสมณศักดิ์ ตลอดถึงการแจกทุนการศึกษานักเรียนโรงเรียนวัดพระพิเรนทร์ และในภาค โดยไม่ขาดตกบกพร่อง

ความรู้ความสามารถทางด้านวิชาการ นอกจากเป็นอาจารย์สอนปริยัติธรรม บาลีในสำนักเรียนของวัด ยังเป็นอาจารย์สอนภาษาอังกฤษที่มหาวิทยาลัย มหามกุฏราชวิทยาลัย ได้รับความไว้วางใจให้เป็นกรรมการตรวจข้อสอบนักธรรมและบาลี ล่าสุดเป็นกรรมการตรวจชั้นประโยค ป.ธ. 7 อีกด้วย สรุปว่าท่านเป็นพระเถระที่ทำงานเพื่อคณะสงฆ์ และพุทธศาสนิกชนโดยไม่ได้นึกถึงสุขภาพของตนเองมากนัก

การที่ท่านมรณภาพในหน้าที่ เนื่องจากนำข้อสอบธรรมศึกษาไปเปิดสอบที่เมืองโอ๊คแลนด์ ประเทศนิวซีแลนด์ นั้น นอกจากเป็นความเศร้าเสียใจของผู้ใกล้ชิดและคณะศิษย์แล้ว ยังเป็นความสูญเสียของคณะสงฆ์อีกด้วย เพราะท่านเป็นพระเถระที่มีเมตตา และทรงความรู้ ความสามารถสูง รูปหนึ่งของคณะสงฆ์ไทย

 

ข่าวล่าสุด

ยุคทอง YouTube Podcast เดือนเดียวยอดชมบนทีวีพุ่ง 700 ล้านชั่วโมง