posttoday

ไทยขยับหมากรบชายแดน เปิดสมรภูมิปอยเปต กุมเนินสูง สู่โต๊ะเจรจา

19 ธันวาคม 2568

ข้อมูลอัปเดตจากที่ปรึกษาสถาบันวิชาการป้องกันประเทศ ชี้ไทยได้เปรียบทุกแนวรบ เปิดสมรภูมิใหม่ปอยเปต เดินเกมรุกอย่างรอบคอบ เพื่อลดภัยคุกคามและต่อรองบนโต๊ะเจรจา

KEY

POINTS

  • ไทยเปิดแนวรบใหม่ที่ปอยเปตซึ่งไม่เคยมีการสู้รบมาก่อน โดยใช้กำลังทางอากาศโจมตีเพื่อลดศักยภาพทางทหารของกัมพูชาและเพิ่มอำนาจต่อรอง
  • กองกำลังไทยเข้าควบคุมพื้นที่สูงทางยุทธศาสตร์บริเวณเนิน 350 และปราสาทตาควาย เพื่อชิงความได้เปรียบในการควบคุมพื้นที่โดยรอบ
  • เป้าหมายหลักของการปฏิบัติการทางทหารคือการสร้างความได้เปรียบสูงสุดก่อนเข้าสู่โต๊ะเจรจา เพื่อสร้างความมั่นคงถาวรตลอดแนวชายแดน

เปิดแนวรบใหม่ ขยับหมากเชิงรุก เพิ่มอำนาจต่อรอง

การประเมินสถานการณ์ล่าสุดจาก พลโท วันชนะ สวัสดี ที่ปรึกษาสถาบันวิชาการป้องกันประเทศ สะท้อนภาพรวมที่ชัดเจนว่า ไทยกำลังอยู่ในสถานะได้เปรียบเชิงยุทธศาสตร์ตลอดแนวชายแดนไทย–กัมพูชา ทั้งในมิติพื้นที่ กำลังรบ และการควบคุมจังหวะของความขัดแย้ง การเปิดสมรภูมิใหม่ที่เมืองปอยเปต จังหวัดบันเตียเมียนเจย ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ เพราะพื้นที่ดังกล่าวไม่เคยปรากฏการสู้รบมาก่อน แต่มีนัยต่อความมั่นคงฝั่งอำเภออรัญประเทศของไทยโดยตรง

ปฏิบัติการทางทหารในพื้นที่ปอยเปตเป็นลักษณะ “โจมตีสกัดการโจมตี” จากข้อมูลการข่าวที่ประเมินว่าพื้นที่ดังกล่าวอาจถูกใช้เป็นฐานก่อภัยต่อไทยในระยะใกล้ การใช้กำลังทางอากาศ รวมถึงเครื่องบิน F-16 มุ่งเป้าไปที่ฐานทหารและคลังอาวุธของกัมพูชา เป็นการลดศักยภาพการรุกและตัดตอนการส่งกำลังบำรุงตั้งแต่ต้นทาง

ผลพลอยได้ของปฏิบัติการนี้คือการทำลายอาคารที่เป็นศูนย์กลางเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งเชื่อมโยงกับแก๊งสแกมเมอร์ในพื้นที่ชายแดน สะท้อนว่าเกมความมั่นคงครั้งนี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่สนามรบ แต่เชื่อมโยงถึงมิติอาชญากรรมและความปลอดภัยของประชาชนในระยะยาว

ภาพ : สมรภูมิรบ เนิน350

เนิน 350 พื้นที่สูงชี้ขาด กับยุทธการแบบค่อยเป็นค่อยไป

อีกหนึ่งสมรภูมิที่มีนัยสำคัญคือพื้นที่ปราสาทตาควายและเนิน 350 ซึ่งปัจจุบันกองกำลังไทยสามารถควบคุมพื้นที่ปราสาทตาควายได้แล้ว และกำลังยึดกุมพื้นที่สูงของเนิน 350 อย่างต่อเนื่อง พื้นที่ดังกล่าวมีความสำคัญทางยุทธวิธี เพราะเป็นจุดสูงข่มที่เอื้อต่อการตรวจการณ์ การยิงสนับสนุน และการควบคุมพื้นที่โดยรอบ

สถานการณ์การปะทะในจุดนี้เป็นการรบระยะประชิด ระยะห่างเพียง 100–300 เมตร ทำให้การใช้กำลังทางอากาศมีข้อจำกัดสูง ไทยจึงใช้กำลังทหารราบเป็นหลัก และวางแผนปฏิบัติการอย่างระมัดระวัง เพื่อลดความเสี่ยงจากการสูญเสียฝ่ายเดียวกันเอง

แม้กระแสสังคมบางส่วนต้องการเห็นความขัดแย้งยุติลงโดยเร็ว แต่การวางแผนทางทหารยึดหลัก “slow but sure” เป็นสำคัญ ความต้องการสูงสุดคือการลดการสูญเสียกำลังพลให้เหลือน้อยที่สุด การยึดพื้นที่แต่ละจุดจึงเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป บนบทเรียนจากความสูญเสียที่ผ่านมา และความจำเป็นในการรักษาชีวิตทหารที่ยังปฏิบัติหน้าที่อยู่ในสนามรบ

ภาพ : สมรภูมิรบ เนิน350

จากสนามรบสู่โต๊ะเจรจา เป้าหมายความมั่นคงถาวร

ในมิติด้านมนุษยธรรม แหล่งข่าวด้านความมั่นคงชี้ให้เห็นความแตกต่างในการให้คุณค่าต่อชีวิตทหารของทั้งสองฝ่าย ไทยให้ความสำคัญกับการนำร่างผู้เสียชีวิตกลับสู่ครอบครัว เพื่อประกอบพิธีทางศาสนาอย่างสมเกียรติ ขณะที่ในบางกรณี ซากศพทหารกัมพูชาที่พบในพื้นที่กลับไม่ได้รับการรับคืนจากฝ่ายต้นสังกัด ภาพเหล่านี้สะท้อนสภาพขวัญกำลังใจและการดูแลกำลังพลที่แตกต่างกันอย่างมีนัย

ในเชิงยุทธศาสตร์ ไทยมุ่งลดขีดความสามารถของกัมพูชาให้อยู่ในระดับที่ไม่เป็นภัยคุกคาม เป้าหมายไม่ได้หมายถึงการทำลายจนสิ้นศูนย์ แต่เป็นการตัดศักยภาพหลัก ทั้งคลังกระสุน เส้นทางลำเลียง และความสามารถในการยิงตอบโต้ ซึ่งเห็นผลชัดจากปริมาณการยิงที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง

ปลายทางของเกมนี้ยังคงเป็น “โต๊ะเจรจา” แต่การเดินหมากในปัจจุบันคือการสร้างเงื่อนไขให้ไทยอยู่ในตำแหน่งที่ได้เปรียบสูงสุด เป้าหมายสูงสุดคือการสถาปนาความมั่นคงตลอดแนวชายแดน ให้กัมพูชาถอยห่างออกไปจนไม่สามารถใช้อาวุธทำร้ายประชาชนไทยได้อีก สงครามครั้งนี้จึงไม่ต่างจากเกมหมากรุก ที่ไทยเลือกเดินอย่างรอบคอบ เพื่อปิดเกมบนเงื่อนไขที่ปลอดภัยและยั่งยืนที่สุดสำหรับประเทศในระยะยาว

เรียบเรียง : อมรเดช ชูสุวรรณ บรรณาธิการข่าวการเมือง 
ที่มาประกอบเนื้อหา : รายการคมชัดลึก (คลิ๊กชม)

ข่าวล่าสุด

เมื่อการแบนโซเชียลฯไม่ใช่คำตอบ และอาจแก้ปัญหาไม่ตรงจุด