บุกกองซีรีส์ฮิต ‘Coffee Prince’ เวอร์ชันไทย

โดย...จตุรภัทร หาญจริง

ใครไม่เคยดูซีรีส์เกาหลีสุดฮอตเรื่อง คอฟฟี่ ปรินซ์ บ้างยกมือขึ้น ฮั่นแน่ เข้าขั้นเชยเลยนะจ๊ะ ถ้าไม่ได้ดู แต่ไม่ต้องตกอกตกใจ คราวนี้สะบัดบ๊อบใส่คนที่เคยดูได้เลย เพราะงานนี้ทรูวิชั่นส์ได้นำซีรีส์สุดฮิต “Coffee Prince” มาทำเป็นเวอร์ชันไทย และปักหลักถ่ายทำกันที่ จ.เชียงใหม่ (ได้ข่าวว่าเป็นโปรดักชันที่ลงทุนสูงที่สุด เมื่อเทียบกับรายการต่างๆ ของทางทรูวิชั่นส์) ซึ่งงานนี้ได้ผู้กำกับฝีมือดีอย่าง ย้ง-ทรงยศ สุขมากอนันต์ นั่งแท่นผู้กำกับการแสดง

หลังจากบินลัดฟ้าไม่ถึงชั่วโมง ทรูวิชั่นส์ก็นำเราไปเยือนกองถ่าย Coffee Prince ที่เชียงใหม่ ร้านกาแฟตกแต่งร้านได้สวย มีมุมเก๋ๆ เยอะแยะ สำหรับซีนที่เราได้ไปสอดส่องดู เป็นซีนที่ 1 ซึ่งเป็นตอนที่วิน (แม็ค-วีรดนย์ หวังเจริญพร) อยู่ที่เคาน์เตอร์แล้ว โด๋ (บอส) ก็เดินมาถามถึงนัท (แม็กซีน) ว่าไล่นัทออกทำไม ทำไมไม่โทรไปตามนัทให้กลับมาทำงาน เพราะโด๋คิดถึงนัท รวมทั้งปื๊ด (เบน) ที่เดินตามเข้ามาสมทบและบอกว่าส่งเอสเอ็มเอสไปหานัท แล้วนัทไม่ยอมตอบกลับมา วินกำลังถูกลูกน้องทุกคนกดดันและต่อว่าต่างๆนานา ที่วินไล่นัท (แม็กซีน) ออกจากร้าน ซีนที่ 2 วิน (แม็ค) นั่งทำงานอยู่ที่ร้าน แล้วทุกคนก็เข้ามาถามถึงนัท พร้อมกับต่อว่าว่าวินใจดำ ที่ไม่ยอมตามนัทกลับมา วินรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองถูกรุมต่อว่าจากบรรดาลูกน้อง

 

พอผู้กำกับสั่งคัตเท่านั้นแหละ เราก็รีบคว้าตัวพระเอกของเรื่อง แม็ค-วีรดนย์ หวังเจริญพร มานั่งพูดคุยถึงการรับบทกวิน ตัวละครนำของละครเรื่องนี้

“สำหรับบทกวิน ผมว่าตัวละครตัวนี้มีความหลากหลาย สุขก็สุขแบบสุดๆ โกรธก็โกรธแบบสุดๆ มีความเป็นเด็กอยู่ในตัว มีความซับซ้อนอยู่ในตัวเอง รู้สึกยังไงก็พูดยังงั้น แต่ไม่ใช่เป็นคนที่ก้าวร้าว อีกอย่างที่ยากสำหรับตัวละครตัวนี้ คือ เขามองนางเอกเป็นผู้ชาย แล้วรู้สึกแปลกใจที่ตัวเองกลับชอบผู้ชาย อึดอัดใจ แปลกใจ สับสนใจ จนพอรู้ตัวว่าตกหลุมรักผู้ชาย ก็มารู้ตัวว่าเขาเป็นผู้หญิงอีก มันเลยสับสนใจเข้าไปใหญ่ ตรงนี้แหละครับที่ท้าทายความสามารถมากๆ

สำหรับการทำงานกับผู้กำกับการแสดง ผมเชื่อใจพี่ย้งมาก พี่ย้งสามารถถ่ายทอดความซับซ้อนของตัวละครตัวนี้ได้ดีมากๆ ทำให้ผมเข้าใจได้ง่ายขึ้น ส่วนนักแสดงคนอื่นๆ ก็ทำงานด้วยกันง่าย ต่อบทกันได้ง่าย รับส่งกันได้เป็นอย่างดี ทุกคนน่ารักเฮฮาสบายๆ เป็นกันเองดี เล่นด้วยกันแล้วสบายใจ

โดยส่วนตัวผมเชื่อว่า แม้ว่าเราจะเอาละครซีรีส์เกาหลีมาทำในเวอร์ชันไทย แต่เสน่ห์แบบไทยๆ มันจับต้องได้อยู่แล้ว ยังไงก็อยากฝากให้คนไทยเปิดใจกับละครเรื่องนี้ด้วยนะครับ ที่สำคัญภาพสวยมากครับ”

 

หลังจากพูดคุยกับพระเอกของเรื่องแล้ว เราก็เลยฉกตัวผู้กำกับการแสดง มาเปิดอกถึงการกำกับละครเรื่องนี้ว่ามีความยากง่ายแค่ไหนยังไง

“ต้องยอมรับก่อนว่านักแสดงเกาหลีเขาเล่นได้ดีมาก เขาสามารถถ่ายทอดอารมณ์ยากๆ ให้เราเข้าใจได้ง่าย และทำให้เรื่องราวมันดำเนินต่อไปได้ ทีนี้พอมาเป็นเวอร์ชันไทย ในเรื่องวัยของนักแสดงของเราเด็กกว่าของเกาหลีเยอะ ประสบการณ์ที่จะเอามาใช้เทียบเคียงก็อาจจะยังมีไม่มาก เราก็เลยต้องอธิบายที่มาที่ไปของตัวละครให้เขาได้เข้าใจ แต่พวกเขาก็ตั้งใจแสดงอย่างเต็มที่ เพราะพวกเขามีความเป็นธรรมชาติ มีสัญชาตญาณที่ดีที่สามารถนำมาใช้ในการแสดงได้ ซึ่งผมเชื่อว่านักแสดงที่มีความพยายามสามารถสร้างสรรค์งานได้ ผมว่าผมเป็นคนที่แพ้คนที่มีความพยายามนะ (หัวเราะ)

ส่วนการถ่ายทำ ตอนนี้ถ่ายไปได้แล้วประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ครับ ซึ่งการทำงานก็สนุกดี เหนื่อย ยาก เครียดพอๆ กับการทำหนังเลย เป็นเพราะว่าผมใช้โปรดักชันแบบภาพยนตร์มาใช้กับซีรีส์เรื่องนี้ เราอยากเห็นงานโทรทัศน์ก้าวไปอีกขั้นหนึ่ง ส่วนบรรยากาศในการถ่ายทำ ผม ทีมงาน และนักแสดงทุกคนสนุกกับการทำงานและตั้งใจกันเต็มร้อยครับ ฝากติดตามผลงานของพวกเราด้วยนะครับ” ทรงยศ กล่าว

งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา หลังจากเราได้เพลินตาเพลินใจกับเหล่าเจ้าชายกาแฟกับร้านกาแฟคอฟฟี่ ปรินซ์ ไปแล้ว เราก็ต้องบินลัดฟ้ามุ่งหน้าสู่กรุงอันเป็นถิ่นฐานที่ตั้งของเรา (ฮือๆ ไม่อยากกลับเลย) ก็ได้แต่หวังว่าละครดีๆ แบบนี้จะได้ไปฉายทางช่องฟรีทีวีบ้างนะ คนไทยทั้งประเทศจะได้ดูกันไง

 

แต่ก่อนที่เราจะบินกลับสู่กรุง เราก็ได้แวบไปพูดคุยกับ พี่ต๊อบ-อัญจนา สิงหเสนี Senior ManagerPlanning & Scheduling Programming ของทรูวิชั่นส์ ที่ร่วมเดินทางมากับเราด้วย โดยเราได้เลือกประเด็นถามพี่ต๊อบว่าทำไมถึงต้องเป็นบทละครซีรีส์เกาหลีเรื่องนี้ ทำไมสถานที่ถึงต้องเป็นเชียงใหม่ และทำไมถึงต้องใช้นักแสดงสดใหม่กลุ่มนี้

“ที่เราเลือกซีรีส์เกาหลีเรื่องนี้มาทำเป็นเวอร์ชันไทย เพราะความลงตัวของบทละคร คือ ถ้าเอามาพลิกเป็นไทยแล้ว มันจะสื่อสารได้ง่ายต่อคนดู แล้วก็คาแรกเตอร์ตัวละครก็เข้ากับคนไทย แล้วมันก็ครบรส ทั้งคอมมิดี ทั้งดรามา ส่วนที่เลือกสถานที่เชียงใหม่ เพราะด้วยบรรยากาศและไลฟ์สไตล์ของคนที่นี่มันใช่และเหมาะกับละครเรื่องนี้มากค่ะ ส่วนทีมนักแสดงกลุ่มนี้ แน่นอนว่าเรานึกถึงเด็กเอเอฟของเราก่อน แต่ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่เคยผ่านงานแสดง แต่ด้วยความที่เขามีใจ มีความสดใหม่ และมีความตั้งใจในการแสดง เราเชื่อว่าเขาสามารถถ่ายทอดตัวละครต่างๆ ออกมาได้อย่างดีที่สุด ฝากคนดูเปิดใจให้กับนักแสดงกลุ่มนี้ด้วยนะคะ แม้ว่าคนที่เคยดูแล้วอาจจะเอาไปเปรียบเทียบกับเวอร์ชันเกาหลี แต่เราก็เชื่อว่าวิธีการนำเสนอของเราก็มีความน่าสนใจไม่แพ้กัน ยังไงก็ฝากละครเรื่องนี้ไว้ด้วยค่ะ”

ไม่ว่ายังไงก็ตาม แฟนๆ ทรูวิชั่นส์สามารถติดตามเรื่องราวความรักวุ่นๆ ของเหล่าเจ้าชายกาแฟได้ใน “คอฟฟี่ ปรินซ์” เวอร์ชันไทย ทางทรูเอเชียนซีรีส์ (ทรูวิชั่นส์ช่อง 64) เร็วๆ นี้จ้า ขอบอก