อบอุ่นใกล้ชิดแบบครอบครัวเดชะอำไพ
แม้ภาพภายนอกเธอจะเป็นผู้บริหารและเจ้าของร้านเบเกอรีชื่อดังที่หลายคนรู้จักกันดี
โดย...กันย์&<2288;
แม้ภาพภายนอกเธอจะเป็นผู้บริหารและเจ้าของร้านเบเกอรีชื่อดังที่หลายคนรู้จักกันดี อย่างร้านขนมปังแสนอร่อย กาโตว์ เฮ้าส์ ปาริฉัตร ไหลสาธิต กรรมการผู้จัดการ บริษัท กาโตว์ เฮ้าส์ แต่อีกบทบาทหนึ่งของเธอก็คือ การเป็นคุณแม่ของลูกชายกำลังเข้าสู่วัยหนุ่ม 2 คน คือ ภูร์ เดชะอำไพ วัย 16 ปี ที่กำลังเรียนชั้น ม.4 และ ภัทร เดชะอำไพ ที่กำลังเรียนชั้น ม.3 ที่โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย
แม้ทั้งสองหนุ่มเข้าสู่วัยรุ่น แต่ก็ไม่ได้สร้างความหนักใจให้กับคุณแม่และ คุณพ่อกิตติพงษ์ เดชะอำไพ อย่างที่พ่อแม่ส่วนใหญ่มักจะเป็นกัน เนื่องจากหนุ่มน้อยทั้งสองคนจะเป็นเด็กที่ว่านอนสอนง่าย เรียบร้อย และตั้งใจเรียนอยู่มาก เนื่องจากคุณแม่เลี้ยงดูใกล้ชิดมาตั้งแต่เด็ก ลูกจึงมีความอบอุ่นสุดๆ ไปไหนไปกันมิได้ห่างไกลกันเลย
คุณแม่เล่าว่า เธอมีลูกช้า เพราะแต่งงานมาตั้ง 6 ปีก็ยังไม่มีลูก ก็เฝ้ารอกันมานาน พอมีลูกก็เตรียมพร้อมเตรียมรับกันเต็มที่ เรียกว่าเตรียมความพร้อมมาตั้งแต่แต่งงานเลยว่าอยากมีลูกทันที ทำกิฟต์มาก็หลายหน แต่ในที่สุดก็มาเองตามธรรมชาติ คุณแม่จึงเคลียร์งานสำหรับมาทำหน้าที่คุณแม่เพื่อเลี้ยงลูกเองโดยเฉพาะ
“เพราะความรัก ความอบอุ่น ความใกล้ชิด นี่เองที่ถือเป็นวัคซีนใจอย่างดี ทำให้เราได้สอนได้เลี้ยงเขาด้วยตัวเอง ไปรับไปส่งก็ได้สอนได้คุยกันตลอดเวลา รับรู้ความเป็นไปของลูกตลอด ทำให้ลูกรู้สึกว่าพ่อแม่คือเพื่อน ไว้ใจได้ พูดคุยได้ทุกเรื่อง วางใจได้ และหากลูกทำผิดพลาดพ่อแม่ก็พร้อมจะช่วยแก้ไขและเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ
กฎของบ้านนี้ก็คือ หากพ่อหรือแม่กำลังสั่งสอนอบรมลูกอยู่ อีกฝ่ายจะไม่ผสมหรือโอ๋ลูก ไม่ซ้ำเติมลูก ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคนนั้นไป ลูกจะได้ไม่สับสนหรือรู้สึกว่าถูกพ่อแม่รุม เราจะค่อยๆ สอนอย่างใช้เหตุใช้ผล ที่สำคัญเราจะไม่เถียงกันต่อหน้าลูก โชคดีว่าลูกเป็นเด็กเลี้ยงง่าย ไม่ดื้อ ไม่เถียง ไม่มีปัญหาให้หนักใจ ก็ขอให้เขาเป็นเด็กดีอย่างนี้ตลอดไป ทุกวันนี้คนเล็กยังนอนกับพ่อแม่อยู่เลย เขาจะขี้อ้อน”
สำหรับสูตรสำเร็จในการเลี้ยงลูกนั้น ปาริฉัตร บอกว่า ไม่ได้มีเคล็ดลับอะไรเป็นพิเศษ ก็เลี้ยงไปตามธรรมชาติที่ควรจะเป็น เลี้ยงเหมือนที่พ่อแม่เราเลี้ยงเรามายังไง เราก็เลี้ยงลูกไปแบบนั้น เธอว่าเลี้ยงลูกเองตลอดไม่มีพี่เลี้ยง แต่มีผู้ช่วยไว้คอยทำงานบ้านกับดูแลเสื้อผ้าให้น้องเท่านั้น
ส่วนสามีก็น่ารัก เขาก็ช่วยเลี้ยงลูกมาตั้งแต่ลูกเล็กๆ พอลูกโตเขาก็จะสอนแบบที่ผู้ชายเขาคุยกัน พ่อจะสอนให้ผจญภัยตามประสาเด็กผู้ชาย พ่อก็มีบทบาทกับลูกมากขึ้น ชวนกันเล่นกีฬา แม่ก็จะเน้นเรื่องระเบียบวินัย ความสะอาด ความอ่อนน้อมถ่อมตน
สำหรับกิจกรรมที่ทำด้วยกันบ่อยก็คือ การเล่นกีฬา ออกกำลังกาย ครอบครัวเราชอบออกกำลังกายทุกคน เข้าฟิตเนสกันทุกคน ลูกชาย 2 คน ก็สูง 180 กว่า ชอบตีเทนนิส ส่วนปิดเทอมเราก็จะไปเที่ยวต่างประเทศกันปีละครั้ง “แม่ก็ปรับตัวเข้าหาลูก ว่าวัยรุ่นเขามีกิจกรรมอะไรกันบ้าง แม่ก็เริ่มรู้จักดาราเกาหลีมากขึ้น เริ่มฟังเพลงที่เป็นวัยรุ่นมากขึ้น ต้องรู้จักสังคมของลูกบ้าง เดี๋ยวจะคุยกันไม่รู้เรื่อง ลูกเป็นสมบัติที่ล้ำค่าที่เราจะต้องเลี้ยงดูส่งเสริมแต่สิ่งที่ดีให้เขา เพราะครอบครัวคือพื้นฐานที่สำคัญของสังคม” ปาริฉัตร กล่าวด้วยความมุ่งมั่น


