ชุดยอกยาการ์ตา ตอน ‘ศาสนา’ รากฐานสำคัญของอารยธรรมชวา
เกาะชวา ประเทศอินโดนีเซีย คือเกาะที่มีความโดดเด่นทางด้านวัฒนธรรมเฉพาะตัว
เกาะชวา ประเทศอินโดนีเซีย คือเกาะที่มีความโดดเด่นทางด้านวัฒนธรรมเฉพาะตัว
เพราะดินแดนแห่งนี้มีประวัติศาสตร์ยาวนานนับพันปี ซึ่งในปัจจุบันวัฒนธรรมที่โดดเด่นที่สุดได้รับอิทธิพลจากศาสนาอิสลาม แต่หากย้อนกลับไปพบว่าที่นี่เคยอยู่ภายใต้อิทธิพลจากศาสนาฮินดูและศาสนาพุทธมาก่อน
ข้อมูลล่าสุดระบุว่าประเทศอินโดนีเซียมีจำนวนประชากรประมาณ 238 ล้านคน มากเป็นอันดับ 4 ของโลก ประกอบด้วย 300 ชาติพันธุ์ ซึ่งกว่าร้อยละ 40 เป็นกลุ่มชาติพันธุ์จากเกาะชวา มีภาษาท้องถิ่นกว่า 742 ภาษา ศาสนาอิสลามคือศาสนาที่ผู้คนนับถือมากที่สุดถึงร้อยละ 87 รองลงมา คือ ศาสนาคริสต์นิกายโปรเตสแตนต์ และนิกายโรมันคาทอลิก ศาสนาฮินดู ศาสนาพุทธ และลัทธิขงจื๊อ ด้วยเหตุนี้เองอินโดนีเซียจึงเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความหลากหลายทางเชื้อชาติ วัฒนธรรม ภาษา และศาสนามากที่สุดในโลก
หากจะศึกษาเรื่องราวเกี่ยวกับความหลากหลายดังกล่าว เกาะชวาคือจุดเริ่มต้นที่ดีที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เมืองยอกยาการ์ตา เพราะที่นี่ยังปรากฏหลักฐานทางโบราณคดีในสภาพสมบูรณ์แบบ และได้รับการบำรุงรักษาเป็นอย่างดี จึงไม่ยากที่จะสามารถปะติดปะต่อเรื่องราวทางประวัติศาสตร์เข้าไว้ด้วยกัน
สถานที่แรกในการสืบเสาะประวัติศาสตร์ คือ มัสยิดโกตางือเด (Kotagede Mosque) มัสยิดที่มีความเก่าแก่ที่สุดในยอกยาการ์ตา ตามบันทึกทางประวัติศาสตร์ระบุว่า สร้างขึ้นตามคำบัญชาของสุลต่านอางุง (Sultan Agung) แห่งอาณาจักรมาตาราม ในสมัยศตวรรษที่ 16 ซึ่งเป็นช่วงที่ศาสนาอิสลามจากดินแดนอาหรับเริ่มเข้ามามีอิทธิพลเหนือเกาะชวา เอกลักษณ์ของมัสยิดแห่งนี้คือสถาปัตยกรรมที่ดูแตกต่างไปจากมัสยิดทั่วไป กล่าวคือ เรามักจะคุ้นเคยกับมัสยิดทรงโดมคว่ำ แต่ที่นี่สร้างขึ้นตามรูปแบบเฉพาะตัวของสถาปัตยกรรมชวา คือ เป็นอาคารชั้นเดียว มีฐานทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส มีจั่วหลังคาทรงสามเหลี่ยมพีระมิด สลักลวยลายพระวจนะในคัมภีร์อัลกุรอาน ภายในอาคารแบ่งเป็นลานระเบียงและลานสำหรับประกอบพิธีกรรมทางศาสนา แต่สิ่งที่ดูแปลกตามากที่สุด เห็นจะเป็นกำแพงที่ล้อมรอบมัสยิด ปรากฏลวดลายและรูปแกะสลักหินทราย ซึ่งเป็นศิลปะไศวนิกายในศาสนาฮินดู ซึ่งเคยมีอิทธิพลในดินแดนนี้ก่อนการเข้ามาของอิสลาม สอดคล้องกับข้อมูลการก่อสร้างมัสยิดแห่งนี้ เกิดจากความร่วมมือระหว่างสุลต่านและชุมชนรอบๆ มัสยิด ซึ่งในขณะนั้นผู้คนส่วนใหญ่ยังคงนับถือศาสนาฮินดู
หนึ่งในหลักฐานทางโบราณคดีที่ยืนยันได้ว่าศาสนาฮินดูเคยเข้ามามีอิทธิพลก่อนศาสนาอิสลาม คือ หลักศิลาจารึกคัมภีร์พระเวท ซึ่งขุดค้นพบที่ชานเมืองหลวงจาการ์ตา มีอายุประมาณ 1,600 ปี เก่าแก่ที่สุดเท่าที่เคยค้นพบในประเทศอินโดนีเซีย จึงกลายเป็นข้อสันนิษฐานที่ว่าศาสนาฮินดูเริ่มปรากฏบนเกาะชวาราวศตวรรษที่ 4 แต่มีความเจริญรุ่งเรืองที่สุดในศตวรรษที่ 9 ตรงกับสมัยกษัตริย์ ราไก พิกาทัน (King Rakai Pikatan) แห่งราชวงศ์สันจาญา (Sanjava Dynasty) เพราะเป็นยุคที่มีการก่อสร้างวิหารมากมาย ซึ่งปัจจุบันวิหารเหล่านี้ตั้งอยู่ไม่ไกลจากยอกยาการ์ตา และหนึ่งในวิหารที่มีชื่อเสียงที่สุด คือ วิหารพรัมบานัน ศาสนสถานในศาสนาฮินดูที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศอินโดนีเซีย วิหารแห่งนี้สร้างเพื่อเป็นที่ประดิษฐานของพระพรหม พระศิวะ พระวิษณุ และพระตรีมูรติ โดยวิหารแต่ละหลังโดดเด่นด้วยการออกแบบตามหลักจักรวาลวิทยา ซึ่งเป็นศาสตร์ที่ปรากฏอยู่ในคัมภีร์พระเวท ว่าด้วยเรื่องของการเปรียบเทียบชั้นต่างๆ ของวิหารกับโลกมนุษย์ โดยแบ่งออกเป็น 3 ชั้น ดังนี้ ชั้นต่ำสุดหรือฐานของวิหาร เรียกว่า ภูโลก หมายถึงดินแดนชั้นต่ำอันเป็นที่อยู่ของมนุษย์ที่ถูกครอบงำด้วยกิเลสตัณหา ถัดมาคือชั้นกลางเรียกว่า ภูวโลก หมายถึงดินแดนบริสุทธิ์และศักดิ์สิทธิ์ สำหรับผู้ที่เริ่มมองเห็นแสงสว่างของการหลุดพ้น และชั้นบนสุดเรียกว่า สวโลก หมายถึงดินแดนเบื้องบนอันเป็นศูนย์กลางของจักรวาลทั้งปวง สำหรับเป็นที่สถิตของเทพยดา
ความรุ่งเรืองของศาสนาฮินดูเริ่มเสื่อมในสมัยราชวงศ์อีสยานาด้วยปัจจัยหลายประการ เช่น การเกิดสงครามระหว่างอาณาจักรต่างๆ การเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ และการระเบิดของภูเขาไฟเมอร์ราปี เป็นต้น ส่งผลให้ศาสนาฮินดูโยกย้ายไปทางตะวันออกของเกาะชวา โดยมีศูนย์กลางสำคัญอยู่ที่เกาะบาหลีจวบจนปัจจุบัน หากแต่อิทธิพลของศาสนาฮินดูก็ยังคงปรากฏให้เห็นได้ในยอกยาการ์ตาจนถึงปัจจุบัน เช่น ผู้คนจำนวนไม่น้อยยังนิยมใช้ชื่อเป็นภาษาสันสกฤต เช่น อินทรา เทวี และกีรติ เป็นต้น นอกจากนี้หลายโรงเรียนยังคงมีการเรียนการสอนวิชาภาษาสันสกฤตในชั้นเรียน
อีกหนึ่งศาสนาที่เข้ามามีอิทธิพลบนเกาะชวา คือ ศาสนาพุทธ สันนิษฐานกันว่าอาจเข้ามาในช่วงระยะเวลาเดียวกันกับศาสนาฮินดู แต่อิทธิพลอาจไม่ปรากฏให้เห็นเด่นชัดมากนักเมื่อเทียบกับศาสนาฮินดู ในปัจจุบันพบว่ายังคงมีชาวอินโดนีเซียนับถือศาสนาพุทธคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 1 หรือประมาณ 1.5 แสนคน มีวัดที่จดทะเบียนอย่างถูกต้องประมาณ 150 วัด ซึ่งก็ถือได้ว่าเป็นจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว
40 กิโลเมตรจากตัวเมืองยอกยาการ์ตา เป็นที่ตั้งของวัดเมนดุต (Mendut Temple) ศาสนสถานในพุทธศาสนาที่มีความเก่าแก่ที่สุดบนเกาะชวา และยังคงมีพระภิกษุจำพรรษามาจนถึงปัจจุบัน ภายในวัดประกอบไปด้วยส่วนที่สร้างขึ้นมาใหม่และส่วนที่เป็นวิหารอายุนับพันปี ประดิษฐานพระไวโรจนะแกะสลักจากหินขนาดใหญ่ ประทับนั่งห้อยพระบาทในท่าธรรมจักรมุทรา ซึ่งเป็นศิลปะในพุทธศาสนานิกายมหายาน ตามบันทึกทางประวัติศาสตร์ระบุว่า ที่นี่คือจุดเริ่มต้นเส้นทางจาริกแสวงบุญ โดยมีจุดหมายปลายทางคือ มหาวิหารบุโรพุทโธ
มหาวิหารบุโรพุทโธคือศาสนสถานในศาสนาพุทธที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก นักโบราณคดีสันนิษฐานว่าสร้างขึ้นราวศตวรรษที่ 8-9 นอกจากความเก่าแก่แล้ว มหาวิหารบุโรพุทโธยังโดดเด่นทางด้านสถาปัตยกรรมที่ซับซ้อน เพราะมีฐานสี่เหลี่ยมจัตุรัสยาวด้านละ 123 เมตร วัดความสูงจากพื้นดินถึงยอดได้ 35 เมตร แบ่งได้เป็น 10 ชั้น โดยชั้นที่ 1-6 มีฐานเป็นสี่เหลี่ยม ชั้นที่ 7-10 มีฐานเป็นวงกลม ซึ่งแต่ละชั้นประดับด้วยภาพแกะสลักหินทรายรวมกันกว่า 1,620 รูป บอกเล่าเรื่องราวในคัมภีร์พระไตรปิฎกในสภาพสมบูรณ์ เพราะได้รับการบูรณะและบำรุงรักษาเป็นอย่างดีจากทางการอินโดนีเซีย
ตลอดระยะเวลาของการไปยังศาสนสถานต่างๆ เราพบว่านอกจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติแล้ว ชาวอินโดนีเซียเองยังนิยมเดินทางมาท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก อีกทั้งเรายังเห็นความพยายามของภาครัฐในการให้ความรู้ความเข้าใจในการเที่ยวชมศาสนสถานอย่างถูกต้อง เพราะต้องไม่ลืมว่าประเทศอินโดนีเซียมีประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม ซึ่งเท่าที่สังเกตทุกคนก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี สะท้อนถึงความกลมกลืนกันระหว่างศาสนาในโลกอิสลามที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกได้เป็นอย่างดี นั่นจึงเป็นการตอกย้ำให้เห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้นเกี่ยวกับคำขวัญของประเทศนี้ นั่นก็คือ “Bhinneka Tunggal Ika” (บินเนกา ตุงงัล อีกา) หรือแปลเป็นภาษาไทยได้ว่า “เอกภาพท่ามกลางความหลากหลาย” (Unity in Diversity)


