โปรตุเกสคาว-หวานในงาน 500 ปีแห่งความสัมพันธ์
โดย...โจ เกียรติอาจิณ
โดย...โจ เกียรติอาจิณ
“โอลา” สวัสดีครับ “โคโม โวเซ เอสตา” สบายดีหรือเปล่า
ขอขึ้นต้นด้วยคำทักทายแบบชาวโปรตุกีสนิดส์นึง (อ่ะนะ) คำทักทายนี้ดูจะขลังยิ่งขึ้น เมื่อคุณย่างก้าวเข้าไปสู่ห้องนิทรรศการแห่งความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับโปรตุเกส “โอลา เซียว 500 ปี ไทยโปรตุเกส” (จัดแสดง ณ มิวเซียม สยาม จนถึงวันที่ 29 เม.ย.)
ภายใต้คอนเซปต์ “นิทรรศการมีชีวิต” ได้นำพาผู้เข้าชมย้อนเวลากลับสู่อดีตกาล เมื่อครั้งโปรตุเกสส่งทูตเข้ามาเจริญสัมพันธไมตรีกับกรุงศรีอยุธยาเมื่อ พ.ศ. 2054 เพื่อสัมผัสและเรียนรู้เรื่องราวต่างๆ ผ่านตัวละครบุคคลสำคัญ อันเป็นเสมือนผู้เปลี่ยนโฉมหน้าประวัติศาสตร์หลายๆ ด้าน ศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม
แน่นอน---หนึ่งในนั้นก็คือ “ดอญา กูโยมาร์ เดอ ปินา” งงๆ กันละสิ อะ---ก็หัวหน้าห้องเครื่องต้น หรือ “ท้าวทองกีบม้า” ที่เราคุ้นชื่อนั่นปะไร
ท้าวทองกีบม้า ผู้เป็นภรรยา “เจ้าพระยาวิชาเยนทร์” (คอนสแตนติน ฟอลคอน) ได้ชื่อว่าเป็นต้นตำรับการทำขนมไทยสมัยอยุธยา ว่ากันว่า “ทองหยิบ” “ทองหยอด” “ฝอยทอง” ก็ล้วนแต่เป็นฝีมือที่เธอรังสรรค์ขึ้น จนเป็นที่ประจักษ์แจ้งต่อสายตาคนไทย
ไม่หมดแค่นั้นนะ “ขนมหม้อแกง” ของเหล่าบรรดาแม่ๆ ทั้งหลายใน จ.เพชรบุรี ก็มีต้นกำเนิดมาจากขนมหม้อแกงสูตรดัดแปลงโดยท้าวทองกีบม้า รวมถึง “กะหรี่ปั๊บ” “สังขยา” “ขนมผิง” ก็ด้วย
ชอบขนมหวานสูตรท้าวทองกีบม้า ในงานเขาก็มีให้ลิ้มลอง นี่ยังไม่นับรวมขนมอื่นๆ ที่เตรียมอีกหลายชนิด ซึ่งแต่ละชนิดก็บ่งบอกถึงการผ่องถ่ายวัฒนธรรมครัวโปรตุเกสมาสู่คนไทยได้เป็นอย่างดี
“ขนมฝรั่งกุฎีจีน” แป้งอบที่มีความกรอบ ความหอม ความหวาน เพิ่มความอร่อยด้วยท็อปปิ้งชิ้นเล็กๆ ฟักเชื่อม ลูกเกด แล้วก็ลูกพลับ อร่อยจับใจ
“ขนมกุสรัง” (บางทีก็เรียก กุดสลัง) ขนมพิเศษที่นิยมทำเฉพาะเดือน ธ.ค. ถือเป็นขนมต้อนรับวันคริสต์มาส ทำจากแป้งที่นวดจนได้ที่แล้วนำมาตัดเป็นเส้น จากนั้นก็สานแป้งให้เป็นรูปคล้ายโบ จนที่เป็นมาของชื่อ “ขนมโบคริสต์มาส” ทอดในน้ำมันร้อนๆ ตักขึ้นแล้วค่อยชุบน้ำตาล รสชาติจะออกหวานๆ มันๆ เค็มๆ
“ขนมกวยตัส” (หรือกวยตั๊ก) หน้าตาเหมือนกับพายมาก ยิ่งใส่ไส้สับปะรดก็นึกว่าพายสับปะรด แต่ไม่ใช่นะเออ ทำจากแป้ง จับจีบรอบๆ นำไปทอดในน้ำมันร้อน ตักขึ้นผึ่งให้เย็น ใส่สับปะรดกวน ขนมโปรตุกีสอีกชนิดที่นิยมกันในหมู่วัยรุ่นก็คือ “ทาร์ตไข่” ที่มาเก๊า ฮ่องกง ก็มีทาร์ตไข่ ที่เมืองไทยก็มี ไม่หนีห่างกันเท่าไหร่ ทาร์ตไข่ให้รสหนักแน่น หวาน มัน แป้งพัฟฟ์กรอบ อบจากเตาร้อนๆ ห้อมมมม---หอม
ไม่ชอบขนมหวาน เขายังจัดของคาวไว้ให้ลิ้มรส “เนื้อตุ๋นแซนโม” เมนูนี้เราให้ชนะเลิศ อร่อยมากกกกก เนื้อสะโพกหั่นเป็นชิ้นพอคำ นำไปผัดให้แห้งกับส่วนผสม พริกไทย เกลือ หอมแดง เติมน้ำตุ๋นต่อร่วม 3 ชั่วโมง โดยไม่ลืมใส่จำพวกเครื่องเทศ ลูกกระวาน กานพลู พริกไทย อบเชย จึงจะได้เนื้อตุ๋นแซนโม รสชาติเค็มนิดๆ กินกับข้าวสวยหรือขนมปังก็ได้
“แกงเหงาหงอด” แกงชื่อแปลก แต่รสชาติช่างคล้ายกับแกงส้ม รสออกเผ็ดร้อนจากเครื่องแกง มีความเปรี้ยวพอประมาณ ได้ความเค็มตามมา สูตรดั้งเดิมนั้นใช้ปลาสังกะวาดทำ ปัจจุบันหายากเลยใช้ปลาเนื้ออ่อนแทน ซดน้ำคล่องคอดี
“ไก่ย่าง” ช่างคล้ายไก่ย่างบ้านเราซะเหลือเกิน หมักไก่ด้วยเครื่องเทศ หมักประมาณ 2 ชั่วโมง นำไปย่างไฟให้เหลือง รสไก่ย่างจะออกเค็มๆ แต่ไม่มาก กินคู่น้ำจิ้มที่ออกหวานเผ็ดจากมัสตาร์ดกับผงกะหรี่ ถูกใจหลายๆ
“ข้าวผัด” เป็นข้าวผัดสีเหลืองอ๋อยจากผงกะหรี่ กลิ่นหอมยั่วน้ำลาย เพิ่มความกลมกล่อมด้วยหอมใหญ่ มะเขือเทศ เนย รสออกกลางๆ ไม่เค็มเหมือนเมนูอื่น กินแทนข้าวสวยคู่กับเมนูหนักๆ ได้สบาย
เอ้า---ใครอยากลิ้มรสเมนูคาวหวานสไตล์โปรตุกีส ก็หาโอกาสเหมาะๆ แวะไปชมนิทรรศการซะนะ อิ่มตา อิ่มท้อง อิ่มใจ เพื่อให้ครบสูตรความสัมพันธ์ไทยโปรตุเกสของแท้
(หมายเหตุ ในงานจะมีให้ชิมบางเมนูเท่านั้น ถ้าอยากลองลิ้มแบบเต็มๆ ขนมหวานแวะไปที่ชุมชนกุฎีจีน ของคาวก็มีเสิร์ฟที่ร้านไอริช ย่านดอนเมือง โทร. 08-9115-9969)


