posttoday

เมื่อฟ้าขาวสิ้นมนต์ขลัง

18 กรกฎาคม 2554

ก่อน โคปา อเมริกา 2011 จะเริ่มต้นขึ้น “ฟ้าขาว” อาร์เจนตินา ถูกยกให้เป็นเต็งหนึ่งที่จะคว้าแชมป์

ก่อน โคปา อเมริกา 2011 จะเริ่มต้นขึ้น “ฟ้าขาว” อาร์เจนตินา ถูกยกให้เป็นเต็งหนึ่งที่จะคว้าแชมป์

จากความได้เปรียบในการเป็นเจ้าภาพ แถมยังเต็มไปด้วยนักเตะระดับพระกาฬเต็มทีม

แต่ในที่สุดพลพรรคนักเตะอาร์เจนไตน์ก็ไปได้ไกลที่สุดเพียงแค่รอบ 8 ทีมสุดท้ายเท่านั้น โดยลูกทีมของกุนซือ แซร์จิโอ บาติสตา ลงสนามพบกับ อุรุกวัย และโดนทีมจอมโหดยิงนำไปก่อนตั้งแต่นาทีที่ 6 จาก ดีเอโก เปเรซ

หลังจากนั้น อาร์เจนตินา ซัดตีเสมอได้สำเร็จจาก กอนซาโล ฮิกวาอิน นาทีที่ 18 และมีทีท่าว่าจะตีตั๋วเข้ารอบได้เมื่อ อุรุกวัย เหลือ 10 คน ตั้งแต่นาทีที่ 39 จากใบเหลืองแดง ของ เปเรซ ผู้ยิงประตูให้กับทีม

 

เมื่อฟ้าขาวสิ้นมนต์ขลัง

อย่างไรก็ตาม อาร์เจนตินา กลับไม่สามารถอาศัยความได้เปรียบเรื่องตัวผู้เล่นเจาะตาข่ายของ อุรุกวัย ได้ แถมยังมาเหลือ 10 คนเท่ากัน เมื่อ ฮาเวียร์ มาสเคราโน โดนใบเหลืองแดงในช่วงก่อนหมดเวลา 3 นาที

ครบ 90 นาทีเสมอกัน 11 และในช่วงต่อเวลาพิเศษก็ยังไม่สามารถทำอะไรกันเพิ่มได้อีก จนต้องตัดสินหาผู้ชนะด้วยการยิงลูกที่จุดโทษ และเป็น อุรุกวัย ที่คว้าชัย 54 เขี่ยเจ้าภาพตกรอบไปอย่างชอกช้ำ

จากที่เคยถูกยกให้เป็น “เต็งแชมป์” ทว่าผลงานที่ออกมากลับทำได้ดีที่สุดแค่ “ตกรอบก่อนรองชนะเลิศ” แต่ บาติสตา ไม่ได้มองว่าเป็นความล้มเหลวของทีมแต่อย่างใด

“มันไม่ใช่ความล้มเหลว ผมไม่อยากเรียกว่าล้มเหลว มันเป็นคำที่ดูแรงเกินไป เราทำงานหนักเพื่อชัยชนะ และผมคิดว่าเราเล่นกันได้ดีแล้ว” กุนซือวัย 48 ปี กล่าว

ทั้งนี้ บาติสตา เข้ามารับตำแหน่งกุนซือขัดตาทัพต่อจาก ดีเอโก มาราโดนา ที่ไม่ได้รับการต่อสัญญาหลังจบฟุตบอลโลก 2010 เมื่อเดือน ก.ค.ปีที่แล้ว ก่อนที่จะถูกแต่งตั้งถาวรในอีก 3 เดือนต่อมา ซึ่งผลงานการคุมทัพของ บาติสตา ยังไม่เป็นที่น่าประทับใจเท่าใดนัก แถมยังโดนแฟนบอลโห่มาแล้วในเกมรอบแรกที่ผ่านมา ซึ่งเสมอ โบลิเวีย กับ โคลัมเบีย

และการพ่ายให้กับ อุรุกวัย ยิ่งทำให้แฟนบอลเริ่มสงสัยในฝีไม้ลายมือของ บาติสตา แต่เจ้าตัวยืนยันว่าพร้อมที่จะพิสูจน์ฝีมือต่อไปและยังไม่มีความคิด “ลาออก” อยู่ในสมองเลยแม้แต่น้อย

“ผมยังไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้น ผมจะทำงานต่อไป ผมเพิ่งเข้ามาทำหน้าที่เมื่อ 56 เดือนที่แล้ว และจะเดินหน้าตามแผนของผมต่อไป โดยมีเป้าหมายสำคัญที่สุดคือฟุตบอลโลก 2014”

 

เมื่อฟ้าขาวสิ้นมนต์ขลัง

ทั้งนี้ หากจะกล่าวว่าช่วงนี้เป็นช่วงขาลงของทีมลูกหนังชุดใหญ่ของ อาร์เจนตินา ก็ไม่น่าจะผิดนัก โดยเฉพาะในทัวร์นาเมนต์รายการใหญ่ๆ

ครั้งสุดท้ายที่แข้งฟ้าขาวผ่านเข้าไปไกลเกินรอบ 8 ทีมสุดท้ายฟุตบอลโลก ต้องย้อนไปถึงผลงานการคว้ารองแชมป์ในศึกเวิลด์คัพ 1990 ที่อิตาลี ส่วนฟุตบอลโคปา อเมริกา นักเตะอาร์เจนไตน์ได้สัมผัสแชมป์ครั้งสุดท้ายปี 1993 นู่น

ตรงข้ามกับ อุรุกวัย ที่ทำผลงานดีต่อเนื่องในรายการนี้ หลังจากเพิ่งคว้าอันดับ 4 ในฟุตบอลโลก 2010 ที่แอฟริกาใต้

“เราสู้อย่างหนักด้วยสปิริตของนักเตะ ซึ่งเหมือนกับตอนที่เราเล่นฟุตบอลโลก เราไม่เคยได้ครองบอลเหนือกว่าคู่แข่งเลย แต่เราสามารถจบสกอร์ได้ดีกว่าคู่แข่งเสมอ” กุนซือ ออสการ์ ตาบาเรซ กล่าว

สำหรับเกมในรอบตัดเชือก อุรุกวัย จะพบกับ เปรู ซึ่งพลิกล็อกต่อเวลาชนะ โคลัมเบีย 20 หลังจากเสมอกันในเวลา 90

โคลัมเบีย ซึ่งโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นในรอบแรก น่าจะผ่านเข้ารอบไปได้ไม่ยากจากมีโอกาสลุ้นประตูหลายต่อหลายครั้ง แต่ไม่เด็ดขาดพอในจังหวะสุดท้าย รวมถึงการซัดจุดโทษพลาดของ ราดาเมล ฟัลเกา ในนาทีที่ 66 ด้วย

จนกระทั่งในที่สุด คาร์ลอส โลบาตัน และ ฮวน วาร์กัส ก็ช่วยกันซัดสำเร็จโทษในนาทีที่ 102 และ 112 ส่งให้ เปรู ผ่านเข้ารอบตัดเชือกได้เป็นครั้งแรกในรอบ 14 ปี

“ผมต้องยกย่องผู้เล่นของผมทุกคน พวกเขาทำงานหนักมากและแสดงให้เห็นถึงวินัยการเล่นตามแท็กติก ความพยายามและความตั้งใจอันยอดเยี่ยมมาก” แซร์จิโอ มาร์กาเรียน กุนซือเปรู ซูฮกลูกทีม

 

ข่าวล่าสุด

ครม. ทบทวน EV3 เพิ่มความยืดหยุ่น หนุนไทยสู่ฐานผลิต EV โลก