นั่งทำงานอย่างไรให้ห่างไกลออฟฟิศซินโดรม
เลิกจัดท่านั่งพังๆ เลิกปวดหลัง ปวดไหล่ ‘ธัญ’ (THANN) ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญด้านกายภาพบำบัด แนะนั่งทำงานอย่างไรให้ห่างไกลออฟฟิศซินโดรม (Office syndrome) พร้อมเทคนิคการนวดผ่อนคลายตัวเองระหว่างการทำงานที่บ้าน
ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด–19 ในปัจจุบันทำให้หลายคนจำเป็นต้องทำงานที่บ้าน (Work from home) แต่ทราบหรือไม่ว่าการนั่งทำงานอยู่ในท่าเดิมนานๆ โดยไม่ขยับหรือเปลี่ยนอิริยาบถ รวมถึงการนั่งอย่างที่ไม่เหมาะสม อาจเสี่ยงต่อการเกิดอาการปวดหลังจากการนั่งผิดท่าเป็นระยะเวลานาน และอาจลุกลามจนเป็นออฟฟิศซินโดรม (Office syndrome) ได้โดยไม่รู้ตัว แบรนด์ผลิตภัณฑ์เพื่อการดูแลสุขภาพผิวและเส้นผมจากสารสกัดธรรมชาติ ‘ธัญ’ (THANN) ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญด้านกายภาพบำบัด แนะนั่งทำงานอย่างไรให้ห่างไกลออฟฟิศซินโดรม (Office syndrome) พร้อมเทคนิคการนวดผ่อนคลายตัวเองระหว่างการทำงานที่บ้าน
กภ.บุญญาพร เลิศวัฒนกิตติ ผู้เชี่ยวชาญด้านกายภาพบำบัด ได้แนะนำการจัดท่านั่งทำงานอย่างไรให้ห่างไกลออฟฟิศซินโดรม พร้อมเทคนิคการนวดผ่อนคลายตัวเองระหว่างการทำงานที่บ้าน ดังนี้
ออฟฟิศซินโดรม (Office syndrome) คือกลุ่มอาการปวดกล้ามเนื้อและเยื่อพังผืด (Myofascial Pain Syndrome) รวมถึงอาการปวดจากการอักเสบของเนื้อเยื่อและเอ็น (Tendinitis) และอาการปวดชาจากปลายประสาทที่ถูกกดทับบริเวณหลัง บ่า คอ ศีรษะ แขน และข้อมือ อาการเหล่านี้มักพบได้บ่อยกับกลุ่มคนทำงานออฟฟิศที่นั่งทำงานในท่าเดิมนานเกินไป โดยไม่มีการขยับปรับเปลี่ยนท่าหรืออิริยาบถ ซึ่งอาการในระยะแรกนั้นอาจไม่รุนแรงมากเหมือนเป็นการปวดธรรมดาทั่วไป หากปล่อยไว้นานโดยไม่รักษา อาการอาจรุนแรงขึ้นจนกลายเป็นโรคปวดเรื้อรังได้
การจัดท่านั่งที่ถูกต้องในการทำงานจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องใส่ใจ โดยแนะนำดังนี้
- ศีรษะ ตั้งตรง ไม่ยื่นคอ เก็บคาง ไม่หนีบโทรศัพท์คุย
- ตา อยู่ระดับเดียวกับหนาจอ ห่างประมาณ 45-60 ซม.
- หลัง นั่งหลังตรง พิงพนักเล็กน้อย
- ต้นขาและสะโพก นั่งบนเบาะให้เต็มก้น และขนานกับพื้น
- ข้อมือและแขน อยู่ระนาบเดียวกกับแป้นพิมพ์ หากใช้เม้าส์ควรมีที่รองข้อมือ
- ข้อศอก แนบลำตัว งอศอกทำมุม 90-120 องศา
- ไหล่ ไม่ยกและปล่อยแขนช่วงบนตามธรรมชาติ
- หัวเข่า ควรอยู่ระดับเดียวกับสะโพก ให้ปลายเท้าวางล้ำไปข้างหน้าเล็กน้อย
- เท้า วางแนบพื้น หากความสูงของโต๊ะไม่พอดี ควรใช้กล่องหรือที่รองมาไว้วางเท้า
คนส่วนใหญ่ที่นั่งทำงานทั้งวันมักมีอาการปวดหลังส่วนบนและส่วนล่างตามมา สาเหตุจากท่านั่งที่ไม่เหมาะสม รวมถึงการนั่งท่าใดท่าหนึ่งนานจนเกินไป ดังนั้น ควรแก้ด้วยการเปลี่ยนอิริยาบททุก 1 ชั่วโมงด้วยท่าที่เหมาะสม ได้แก่
- ผสานมือทั้ง 2 ข้างเหยียดตรงขึ้นไปเหนือศีรษะ ยืดตัวค้างไว้ 10 วินาที ทำติดต่อกัน 5 ครั้ง จะช่วยฝึกยืดตัวระหว่างนั่งทำงาน
- นำมือทั้ง 2 ข้างท้าวเอวแล้วหมุนสะโพกไปข้างหลัง สลับกันซ้าย-ขวา ทำซ้ำ 20 ครั้ง จะช่วยให้กระดูกสันหลังยืดยุ่นตัวมากขึ้น ช่วยลดอาการปวดหลังได้
- เก็บคางเข้าหาแนวกลางลำตัวค้างไว้ 5 วินาที ทํา 10 ครั้ง จะช่วยลดภาวะคอยื่นไปข้างหน้า
- นอกจากนี้ยังมีวิธีผ่อนคลายส่วนต่างๆ ของร่างกายจากอาการเมื่อยล้า โดยสามารทำได้ดังนี้
- ยืนตัวตรงชิดกําแพง พยายามให้ศีรษะ ไหล่ และหลัง ชิดติดกําแพงให้มากที่สุด ยกแขนขึ้นทํามุมตั้งฉาก ผ่อนบ่าสบายๆ ให้รู้สึกเกร็งบริเวณสะบักด้านหลังค้างไว้ 10 วินาที ทําซํ้า 10 ครั้ง จะช่วยลดการเกร็งของคอ บ่าและไหล่
- ยืนก้มตัวหันหน้าเข้าหากำแพงในระยะห่างที่พอดี โน้มตัวไปข้างหน้าโดยใช้มือยันกําแพงไว้ และปล่อยตัวลง ค้างไว้ 10 วินาที ทําซํ้า 5-6 ครั้ง จะช่วยยืดกล้ามเนื้อด้านหน้า และลดภาวะหลังค่อม
- นั่งไขว้ขาข้างขวาเหมือนท่านั่งไขว่ห้าง แล้วหมุนลําตัวด้านบนไปทางขวาค้างไว้ 10 วินาที ทํา 5-6 ครั้งแล้วสลับข้าง จะช่วยลดอาการปวดเมื่อยหลังและสะโพก
- นั่งไขว้ขาข้างขวาเป็นเลข 4 แล้วก้มตัวลงไปด้านหน้าค้างไว้ 10 วินาที ทํา 5-6 ครั้งแล้วสลับข้าง จะช่วยลดอาการปวดหลัง, สะโพกและก้น
ภาวะออฟฟิศซินโดรมนั้น นอกจากจะมีสาเหตุหลักมาจากการนั่งทำงานด้วยท่าที่ไม่เหมาะสมเป็นเวลานานแล้ว ยังมีอีกหนึ่งปัจจัยร่วม คือ “ความเครียด” จากการทำงาน ดังนั้นจึงควรหาเวลาผ่อนคลายทางด้านอารมณ์ระหว่างการทำงานด้วยการใช้กลิ่นหอมบำบัด (Aromatherapy) จากน้ำมันหอมระเหยจากธรรมชาติ อาทิ ไทม์ ทู รีเฟรช และ ก้านไม้หอม นอกจากนี้การทำสปาด้วยตัวเองที่บ้านด้วยการแช่ตัวในน้ำอุ่นที่ผสมบาธ แอนด์ มาสสาจ ออยล์ หรือการนวดตัวด้วยบอดี้ บัตเตอร์ ร่วมกับท่านวดเพื่อความผ่อนคลาย นอกจากจะช่วยคลายกล้ามเนื้อและความเครียดแล้ว ยังสามารถบำรุงผิวให้เนียนุ่มชุ่มชื้นไปพร้อมกันได้
เทคนิคการสร้างความผ่อนคลายง่ายๆ ระหว่างวันด้วยผลิตภัณฑ์ Time to Refresh
ท่านวดผ่อนคลายสำหรับนวดให้คนในครอบครัว
ทางด้านเซเลบริตี้ต่างร่วมทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ พร้อมเผยเคล็ดลับการสร้างความผ่อนคลายระหว่างทำงานอยู่ที่บ้านตามแบบฉบับของตนเอง
เริ่มที่ ปณิตา ศรไทยเทวา เล่าว่า “การเวิร์คฟอร์มโฮมก็มีข้อดีตรงที่ช่วยให้เราประหยัดเวลาในการเดินทาง สามารถมีเวลาทำงานเยอะขึ้น เราจึงจัดสถานที่สำหรับนั่งทำงานที่บ้านโดยเลือกห้องที่มีแสงธรรมชาติส่องถึง สามารถมองเห็นท้องฟ้าหรือต้นไม้ได้ เพื่อเป็นการสร้างบรรยากาศที่ดีระหว่างการทำงาน โดยไม่ควรนั่งทำงานในท่าเดิมเกิน 1-2 ชั่วโมง และหมั่นขยับร่างกายเพื่อเปลี่ยนอิริยาบถบ่อยๆ สลับกับการลุกเดินประมาณ 5-10 นาที เนื่องจากหากเรานั่งนานๆ ก็จะทำให้ปวดหลัง ส่วนเคล็ดลับการสร้างความผ่อนคลายระหว่างการทำงาน หรือเวลาที่คิดงานไม่ออก เราจะมีตัวช่วยอย่างการนวดขมับด้วยไทม์ ทู รีเฟรช รวมถึงการสร้างบรรยากาศความผ่อนคลายด้วยก้านไม้หอมซึ่งเราจะวางไว้ทุกห้อง ช่วยให้เรารู้สึกสดชื่นด้วยกลิ่นหอมจากน้ำมันหอมระเหยธรรมชาติ พอหมดวันก็จะผ่อนคลายด้วยการแช่น้ำอุ่นที่ผสมบาธ แอนด์ มาสสาจ ออยล์ กลิ่นลาเวนเดอร์โรสแมรี่ นอกจากจะได้ผ่อนคลายจากกลิ่นหอมแล้ว ยังช่วยรักษาความชุ่มชื้นให้กับผิวเราได้เป็นอย่างดี เพราะการแช่น้ำอุ่นนานๆ ผิวอาจสูญเสียความชุ่มชื้นและทำให้ผิวแห้งได้ง่าย หลังจากอาบน้ำเสร็จก็จะบำรุงผิวด้วยบอดี้ บัตเตอร์ ทุกครั้ง เพื่อผิวจะได้ไม่แห้งกร้านและยังคงความชุ่มชื้นอย่างมีสุขภาพดี”
ถัดมาที่ ศิตา ชุติภาวรกานต์ เล่าว่า “ตั้งแต่ที่ต้องปรับเปลี่ยนการทำงานมาเป็นเวิร์คฟอร์มโฮม ทำให้เราต้องนั่งทำงานอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์มากกว่าอยู่ที่บริษัท ไม่ว่าจะเป็นการประชุม ตรวจงาน รวมถึงให้คำปรึกษากับพนักงานที่มีข้อสงสัยหรือต้องส่งงานให้กับเราตลอดทั้งวัน ดังนั้นเราจึงเน้นให้ความสำคัญกับการจัดท่านั่งให้เหมาะสม หากเรานั่งในท่าที่ไม่เหมาะสมก็จะทำให้เกิดอาการปวดคอ บ่า ไหล่ และหลังได้ พอหมดวันมีหลายครั้งที่รู้สึกปวดเมื่อย อ่อนล้าทั้งหลังและสายตา เราก็จะใช้วิธีนวดกดเบาๆ ตามจุดต่างๆ แต่การนวดเพียงอย่างเดียวก็ไม่สามารถทำให้ความเครียดและความเหนื่อยล้าหายไปได้ เราจึงต้องมีตัวช่วยอย่างการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติในการผ่อนคลายร่วมด้วย อย่างวันไหนที่ต้องประชุมหลายงานติดต่อกันก็มักจะเติมความสดชื่นระหว่างวันด้วยไทม์ ทู รีเฟรช ซึ่งสะดวกและง่ายต่อการพกพา สามารถหยิบใช้งานได้ตลอดวัน รวมถึงสร้างบรรยากาศความหอมภายในห้องด้วยก้านไม้หอม พอหมดวันก็จะแช่ตัวในน้ำอุ่นที่ผสมบาธ แอนด์ มาสสาจ ออยล์ เพื่อคืนความมีชีวิตชีวาด้วยกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่ทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายและคลายความเหนื่อยล้าจากการทำงานหนักทั้งวันได้”
ปิดท้ายที่ สิรี วงศ์รักมิตร เผยว่า “มิ้งทำงานเป็นหมอเฉพาะทางด้านโภชนาการ พอเลิกจากงานประจำก็ต้องกลับมาเวิร์คฟอร์มโฮมต่อ เพราะต้องเตรียมพรีเซ้นต์งานควบคู่กับการทำงานวิจัย ซึ่งเวลาส่วนใหญ่แต่ละวันจึงหมดไปกับการทำงาน ดังนั้นห้องทำงานของมิ้งที่บ้านก็จะจัดบรรยากาศให้เหมาะสมกับการทำงาน เช่น การจัดแสงสว่างให้เพียงพอ เปิดเพลงคลอเบาๆ พร้อมกับเปิดเครื่องกระจายกลิ่นหอม รวมถึงวางก้านไม้หอมไว้ตามจุดต่างๆ ภายในบ้าน เพื่อสร้างบรรยากาศที่ดีระหว่างการทำงาน พยายามจัดสรรเวลานั่งทำงานให้ไม่เกินรอบละ 1 ชั่วโมง สลับกับการหยุดพัก 5-10 นาที เพื่อไม่ให้ร่างอ่อนล้าจนเกินไป ที่สำคัญคือต้องจัดท่านั่งอย่างเหมาะสม ส่วนเวลาที่มิ้งรู้สึกเครียดก็มักจะใช้ไทม์ ทู รีเฟรช ควบคู่กับการนวดบริเวณขมับทั้ง 2 ข้าง ก็จะช่วยให้รู้สึกสดชื่นขึ้นทันที แต่หากวันไหนที่เหนื่อยล้ามากๆ ก็มักจะใช้หินกัวซานวดคอ บ่า ไหล่ระหว่างอาบน้ำ และไม่ลืมที่จะบำรุงผิวด้วยบอดี้ บัตเตอร์ หลังการอาบน้ำทุกครั้ง เพื่อช่วยบำรุงผิวให้เนียนนุ่มชุ่มชื้นตลอดวัน”