posttoday

กมลชนก แสนโสภา งานคราฟต์ผ้าไทย เสริมอาชีพชุมชน

19 พฤศจิกายน 2561

สาวเก่งไอเดียเก๋ กมลชนก แสนโสภา หรือ กุ๊กกิ๊ก เรียนจบสาขาวิชาศิลปะการออกแบบพัสตราภรณ์ เอกออกแบบสิ่งทอ จากคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เ

เรื่อง ภาดนุ

สาวเก่งไอเดียเก๋ กมลชนก แสนโสภา หรือ กุ๊กกิ๊ก เรียนจบสาขาวิชาศิลปะการออกแบบพัสตราภรณ์ เอกออกแบบสิ่งทอ จากคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นอีกหนึ่งคนรุ่นใหม่ที่สำนึกรักบ้านเกิดและเห็นคุณค่างานฝีมือในท้องถิ่น เธอจึงลุกขึ้นมาสร้างแบรนด์งานคราฟต์ผ้าไทยย้อมสีจากธรรมชาติ ที่ช่วยสร้างงานให้คนในชุมชนไปพร้อมกัน

“หลังจากเรียนจบปริญญาตรี ก็คิดอยากกลับไปทำงานที่ จ.แพร่ ซึ่งเป็นบ้านเกิด เพราะในช่วงที่เรียนอยู่มหาวิทยาลัยปี 3 เคยขายเสื้อผ้าที่เป็นงานสกรีนมาก่อน และได้ลองทำเสื้อผ้าหลายๆ รูปแบบมาบ้างแล้ว ที่จริงตอนที่เรียนจบใหม่ๆ ก็ยังไม่ค่อยมั่นใจสักเท่าไรที่จะกลับมาอยู่บ้านเพื่อทำเสื้อผ้าขาย แต่เพราะมีความชอบในเรื่องผ้าทอและงานฝีมือที่เป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ซึ่ง จ.แพร่ ก็ขึ้นชื่อในเรื่องผ้าตีนจกด้วย ในช่วงปิดเทอมจึงหาโอกาสไปเรียนทอผ้ากับอาจารย์ที่แพร่ โดยเรียนทั้งทอผ้าและย้อมผ้าด้วยสีจากธรรมชาติไปพร้อมกันเลย

กมลชนก แสนโสภา งานคราฟต์ผ้าไทย เสริมอาชีพชุมชน

ต่อมาก็มีโอกาสได้ไปสาธิตการทอผ้าในงานแสดงผ้าไทยซึ่งจัดที่เมืองทองธานี จึงได้เจอกับคุณป้าท่านหนึ่งที่เป็นปราชญ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นเกี่ยวกับผ้าม่อฮ่อมของแพร่เข้า ซึ่งในตอนนั้นเข้าใจว่าเสื้อม่อฮ่อมเป็นเสื้อที่ใส่ประจำจังหวัด แต่ที่จริงแล้วผ้าม่อฮ่อม (สีน้ำเงิน) เป็นสีย้อมที่ได้มาจากพืชคือต้นฮ่อม ก็เลยไปเรียนย้อมผ้าจากสีต้นฮ่อมกับคุณป้าในช่วงที่เรียนอยู่ปี 3 จากนั้นก็นำวิชาที่ได้มาทำเสื้อผ้ามัดย้อมไปขายที่ตลาดนัดรถไฟ ซึ่งเป็นพวกเสื้อยืดและเสื้อผ้าร่วมสมัยเพราะลูกค้าหลักของก็คือวัยรุ่น”

กุ๊กกิ๊ก บอกว่า ในช่วงนั้นผ้าม่อฮ่อมและผ้ามัดย้อมได้รับความนิยมและขายดีกว่าเสื้อผ้าที่ใช้วิธีสกรีน ซึ่งอาจเป็นเพราะตอนนั้นยังไม่ค่อยมีใครทำออกมาขายกันมากนัก เธอจึงต่อยอดไอเดียจนเป็นแบรนด์เสื้อผ้าของตัวเองในชื่อ “กมล อินดิโก้” (Kamon Indigo)

กมลชนก แสนโสภา งานคราฟต์ผ้าไทย เสริมอาชีพชุมชน

“ชื่อแบรนด์มาจากชื่อจริงของตัวเองด้วย กมล อินดิโก้ เป็นคำผสมที่มีความหมายว่า ‘ดวงใจสีคราม’ ซึ่งสื่อความหมายของผ้าย้อมฮ่อม หรือย้อมครามได้อย่างดี ตอนที่เรียนจบตอนอายุ 22 ปี ก็ตั้งใจว่าอยากกลับไปทำงานผ้าทอ แต่ด้วยความที่เราจบด้านออกแบบผ้ามา จึงคิดว่าน่าจะทำเกี่ยวกับงานออกแบบผ้า โดยทำเป็นธุรกิจเล็กๆ จะดีกว่า เพราะตอนนั้นไม่อยากขอเงินพ่อแม่อีกแล้ว อยากหาเงินใช้ด้วยตัวเอง จึงนำความรู้ที่มี มาออกแบบตัดเย็บเสื้อผ้า และนำมาย้อมสีม่อฮ่อมและย้อมคราม จากนั้นก็ลองไปขายเพื่อนๆ ดูก่อน ปรากฏว่าเพื่อนๆ ก็นำไปลงโซเชียลมีเดียให้ จึงเริ่มนำเสื้อผ้าที่ทำขายโพสต์ลงในอินสตาแกรมบ้าง จากนั้นก็ไปออกบูธในงานขายสินค้า โดยทำเสื้อผ้าสไตล์วัยรุ่นที่ราคาไม่แพงมากนักไปขาย

เพราะมีจุดประสงค์อยากที่จะอนุรักษ์ภูมิปัญญาไทย เมื่อทำเสื้อผ้าย้อมสีฮ่อมไปสักพักหนึ่ง ก็ได้พบว่าเสื้อผ้าที่ย้อมสีฮ่อมนั้น ไม่ได้มีสีที่ย้อมจากต้นฮ่อมธรรมชาติเพียงอย่างเดียว แต่มีผ้าม่อฮ่อมที่ย้อมจากสีสังเคราะห์เพื่อธุรกิจด้วย ซึ่งต้นทุนมันจะแตกต่างกันมาก แต่ก็ยังเลือกตลาดที่เป็นคราฟต์หรืองานฝีมืออยู่ดี แม้ตอนทำออกมาจะทำได้น้อย มีต้นทุนสูง แถมราคาก็ยังสูงตามไปด้วย นอกจากนี้ยังต้องหาทาร์เก็ตลูกค้าใหม่อีก แต่ยังไงซะก็ยังตัดสินใจเลือกกลุ่มงานคราฟต์อยู่ดี แล้วยังไปเรียนรู้การย้อมสีฮ่อม ซึ่งจะมีขั้นตอนการก่อหม้อหรือเลี้ยงให้จุลินทรีย์ของสีฮ่อมที่จะย้อมยังมีชีวิตอยู่ จึงลงไปศึกษาว่าจะเลี้ยงยังไงเพื่อไม่ให้จุลินทรีย์มันตาย จะได้ย้อมสีเสื้อผ้าได้ติดดียิ่งขึ้น

กมลชนก แสนโสภา งานคราฟต์ผ้าไทย เสริมอาชีพชุมชน

การย้อมฮ่อมแตกต่างจากการย้อมเคมีหรือสีสังเคราะห์ เพราะการย้อมเคมี แค่เติมสีตามสูตรก็ย้อมผ้าได้แล้ว แต่การย้อมฮ่อมธรรมชาติจะขึ้นอยู่กับความเปรี้ยว ความเค็ม ความเป็นกรดด่าง สภาพอากาศ และอุณหภูมิเป็นสำคัญ เรียกว่าเป็นงานคราฟต์ที่มีความละเอียดประณีตมากกว่า จึงทำให้ต้นทุนในการผลิตสูงตามไปด้วย สมมติว่าใช้ต้นทุน 3,000 บาท ก็จะย้อมเสื้อโดยใช้วิธีย้อมฮ่อมได้แค่ 10 ตัวเท่านั้น ในขณะที่สีเคมีต้นทุน 3,000 บาท อาจจะย้อมเสื้อได้ 100 ตัว เป็นต้น ดังนั้นงานคราฟต์จึงมีราคาที่สูงกว่าเป็นธรรมดาค่ะ”

กุ๊กกิ๊ก บอกว่า เมื่อคิดดูแล้วว่างานคราฟต์ย้อมสีฮ่อมมีต้นทุนสูงขนาดนี้ เธอก็ควรจะใช้ผ้าดีๆ เช่น ผ้าทอหรือผ้าฝ้ายในการย้อมด้วย เพื่อเป็นการเพิ่มมูลค่าของสินค้าให้สูงขึ้น และมีคุณภาพที่ดีมากขึ้น

“ปัจจุบันนี้ กมล อินดิโก้ จึงมีทั้งผ้าฝ้ายที่ได้จากโรงงานซึ่งจะเลือกผ้าที่มีคุณภาพดีกว่าผ้าฝ้ายปกติทั่วไป สำหรับผ้าทออย่างฝ้ายทอมือที่นำมาย้อมนั้นก็จะมีคุณภาพที่ดีกว่าด้วย นอกจากนี้แบรนด์ของหนูยังมีงานปักและงานเขียนเทียนลงบนเนื้อผ้าด้วย เรียกว่าพยายามสร้างเรื่องราวลงบนผืนผ้าเพื่อให้เกิดความแปลกใหม่ขึ้นด้วย

ตั้งแต่ทำแบรนด์กมล อินดิโก้ มาถึงตอนนี้ก็เกือบ 3 ปีแล้วค่ะ กลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่มีทั้งคนรุ่นใหม่ที่รักธรรมชาติ ชอบเดินทางท่องเที่ยว รักสุขภาพ แล้วยังมีกลุ่มลูกค้าซึ่งค่อนข้างมีฐานะอีกกลุ่มด้วย ทาร์เก็ตลูกค้าจึงมีตั้งแต่วัยเรียนมหาวิทยาลัยไปจนถึงวัยทำงาน แม้งานคราฟต์เป็นงานฝีมือที่มีขั้นตอนเยอะและราคาสูง แต่ลูกค้ากลุ่มนี้ก็จะเป็นกลุ่มที่ชอบงานคราฟต์จริงๆ พวกเขาจึงไม่เกี่ยงราคา ปัจจุบันนี้กลุ่มลูกค้าของแบรนด์ก็มีมากขึ้น จากแต่ก่อนจะทำเสื้อออกมาเป็นเซตๆ แต่ตอนนี้เมื่อลูกค้าเยอะขึ้น ก็เลยต้องรับงานแบบ เมด ทู ออร์เดอร์ มากขึ้นตามไปด้วย ซึ่งลูกค้าจะสามารถเลือกไซส์ เลือกสี และเลือกผ้าได้

กมลชนก แสนโสภา งานคราฟต์ผ้าไทย เสริมอาชีพชุมชน

ในอนาคตก็กำลังจะย้อมสีที่ได้จากธรรมชาติให้หลากหลายยิ่งขึ้น เช่น สีชมพูจากครั่ง สีเหลืองจากใบหูกวาง และสีน้ำตาลจากใบมะเกลือ และจะพัฒนาหาสีอื่นๆ เพิ่มขึ้นด้วยค่ะ เพราะลูกค้าจะสนใจสีธรรมชาติในโทนสีอื่นๆ เป็นพิเศษ นอกจากสีครามซึ่งเป็นสีเดิมที่ได้จากการย้อมฮ่อมหรือย้อมครามซึ่งมีมาแต่เดิม”

กุ๊กกิ๊กทิ้งท้ายว่า นอกจากนี้ธุรกิจของเธอยังช่วยสนับสนุนการสร้างงานในชุมชน ด้วยการส่งเสริมให้ชาวบ้านปลูกต้นฮ่อม และนำต้นฮ่อมมาทำเป็นฮ่อมเปียก จากนั้นเธอจะเป็นผู้รับซื้อเนื้อฮ่อมเปียกนี้มาใช้ในการก่อหม้อเลี้ยงจุลินทรีย์ในน้ำย้อมให้เติบโตเพื่อย้อมสีฮ่อมอีกที ซึ่งการก่อหม้อนี้เป็นการย้อมเย็นที่ไม่ต้องใช้ความร้อน และการย้อมเย็นนี้จะได้เฉดสีที่สวยแปลกตาไปคนละเฉด ต่างจากการย้อมแบบใช้ความร้อนซึ่งจะให้เฉดสีที่เข้มกว่า

กมลชนก แสนโสภา งานคราฟต์ผ้าไทย เสริมอาชีพชุมชน

“นอกจากนี้ยังติดต่อกับกลุ่มทอผ้าที่ จ.เชียงราย ด้วย เพราะเคยแวะไปเที่ยวที่นั่น จึงนำแบบของผ้าไปจ้างให้คนในชุมชนของที่นั่นทอผ้าให้ บางครั้งก็ส่งเส้นด้ายไปให้พวกเขาทอให้ก็มี เมื่อทอเสร็จก็จะเดินทางไปรับผ้าที่พวกเขาทอ มาออกแบบตัดเย็บเสื้อผ้าลายเอกลักษณ์ของชุมชนใน จ.เชียงราย ออกมาขายด้วยเช่นกัน

สำหรับการเปิดเวิร์กช็อป จะรับเวิร์กช็อปให้กับนักเรียนนักศึกษาที่ทำธีซิสหรือทำรายงาน โดยให้นักเรียนนักศึกษาเข้ามาเรียนรู้วิธีการย้อมฮ่อมและย้อมคราม พร้อมทั้งถ่ายคลิปวิดีโอโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ แต่หากเป็นนักท่องเที่ยวหรือคนที่ต้องการจะมาเรียนเพื่อนำไปต่อยอดธุรกิจหรือสร้างอาชีพของตัวเอง ก็จะมีคอร์สให้พวกเขาเลือกว่าอยากเรียนแบบไหน เช่น ถ้าเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่อยากจะทำแค่ผ้าเช็ดหน้า หรืออยากรู้ว่าการย้อมฮ่อมเป็นอย่างไร เราก็จะมีการสอนให้ค่ะ แล้วยังมีคอร์สการย้อมสีจากธรรมชาติโดยการต้ม รวมทั้งการก่อหม้อย้อมฮ่อมย้อมครามแบบย้อมเย็นก็มีด้วยเช่นกัน โดยจะเปิดคอร์สที่บ้านเลยค่ะ”…ติดตามได้ที่ FB/IG : Kamon_Indigo