ราคาทองทะลุ 4,200 เหรียญต่อออนซ์ ขณะตลาดหุ้นสหรัฐผันผวนเล็กน้อย

ตลาดหุ้นสหรัฐผันผวนเล็กน้อย ดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ปรับตัวเพิ่มขึ้น รับแรงหนุนจากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ออกมาในทิศทางบวก แม้บรรยากาศการลงทุนยังคงได้รับแรงกดดันจากความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนที่ทวีความรุนแรงขึ้น

 

อย่างไรก็ตาม ดัชนีหุ้นทั้งสามของสหรัฐฯ ปิดตลาดต่ำกว่าระดับสูงสุดระหว่างวัน หลังแรงซื้อในตลาดเริ่มชะลอลงในช่วงบ่าย โดยดัชนีดาวโจนส์ ปิดลบเล็กน้อย

 

ทั้งนี้ ความวิตกในตลาดปะทุขึ้นอีกครั้งหลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ระบุว่าอาจพิจารณาตัดความสัมพันธ์ทางการค้าบางส่วนกับจีน เพื่อตอบโต้ที่จีนไม่ปฏิบัติตามคำมั่นในการจัดซื้อถั่วเหลืองจากสหรัฐฯ ประกอบกับการที่จีนประกาศขยายการควบคุมการส่งออกแร่แรร์เอิร์ธซึ่งมีความสำคัญต่อห่วงโซ่อุปทานของโลก

 

นายเจมิสัน เกรียร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ กล่าวตำหนิการกระทำของจีนว่าเป็น “ความพยายามควบคุมห่วงโซ่อุปทานระดับโลก” ขณะที่นายสกอตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ย้ำว่าสหรัฐฯ ไม่มีเจตนาจะทำให้ความขัดแย้งทางการค้ารุนแรงยิ่งขึ้น

 

นักลงทุนยังคงจับตาพัฒนาการของความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และจีนอย่างใกล้ชิด เนื่องจากอาจส่งผลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจและการลงทุนทั่วโลกในระยะข้างหน้า.

 

ดัชนีดาวโจนส์ ปรับตัวลดลง 17.15 จุด หรือ 0.04% ปิดที่ 46,253.31 จุด 

 

ดัชนี S&P 500 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 26.75 จุด หรือ 0.40% ปิดที่ 6,671.06 จุด 

 

และดัชนี Nasdaq Composite เพิ่มขึ้น 148.38 จุด หรือ 0.66% ปิดที่ 22,670.08 จุด

 

ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงจากระดับสูงสุดในระหว่างวัน ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับอุปทานส่วนเกินในปี 2025 ตามการคาดการณ์ของสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) รวมถึงแรงกดดันจากความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสองประเทศเศรษฐกิจใหญ่อันดับต้นของโลก

 

ราคาน้ำมันดิบสหรัฐฯ (WTI) ลดลง 0.73% ปิดที่ 58.27 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล 

 

ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ลดลง 0.77% ปิดที่ 61.91 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

 

ขณะที่ราคาทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ยังคงปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยทะลุระดับ 4,200 ดอลลาร์ต่อออนซ์เป็นครั้งแรก ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับเสถียรภาพทางภูมิรัฐศาสตร์

 

ราคาทองสปอต ปรับตัวขึ้น 1.66% อยู่ที่ 4,210.13 ดอลลาร์ต่อออนซ์ 

 

ขณะที่สัญญาทองคำล่วงหน้าในตลาดสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 1.48% ปิดที่ 4,200.10 ดอลลาร์ต่อออนซ์