ตลาดหุ้นปิดผสมผสาน ราคาทองทำนิวไฮ จากความตึงเครียดทางการค้า

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ โพสต์ข้อความผ่านสื่อสังคมออนไลน์ระบุว่า กำลังพิจารณายุติความสัมพันธ์ทางการค้าบางส่วนกับจีน ส่งผลให้ตลาดหุ้นชะลอตัวในช่วงปลายของการซื้อขาย

 

ทั้งนี้ สหรัฐฯ และจีนได้เริ่มเก็บค่าธรรมเนียมท่าเรือตอบโต้ซึ่งกันและกันในวันอังคารที่ผ่านมา ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสองประเทศที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกตลอดปีนี้ได้ปะทุขึ้นอีกครั้ง หลังจีนประกาศเข้มงวดการส่งออกแร่แรร์เอิร์ธ ขณะที่ประธานาธิบดีทรัมป์ตอบโต้ด้วยการขู่ว่าจะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนในระดับตัวเลขสามหลัก

 

นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐกล่าวในสุนทรพจน์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยรวม “อาจอยู่ในแนวโน้มที่แข็งแกร่งกว่าที่คาดไว้” แต่เตือนว่า “ไม่มีเส้นทางนโยบายใดที่ปราศจากความเสี่ยง ขณะที่เฟดต้องรักษาสมดุลระหว่างเป้าหมายด้านการจ้างงานและเงินเฟ้อ”

 

คำกล่าวของประธานเฟดสอดคล้องกับรายงานของ IMF ที่ปรับเพิ่มแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจโลก โดยระบุว่าผลกระทบจากสงครามการค้าและภาวะการเงินโลกในภาพรวมไม่รุนแรงเท่าที่เคยคาดการณ์ อย่างไรก็ตาม IMF เตือนว่า ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสองประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดของโลก อาจส่งผลให้การผลิตทั่วโลกชะลอตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ

 

ดาวโจนส์ปรับตัวเพิ่มขึ้น 202.88 จุด หรือ 0.44% ปิดที่ 46,270.46 จุด 

 

ดัชนี S&P 500 ลดลง 10.41 จุด หรือ 0.16% ปิดที่ 6,644.31 จุด 

 

และดัชนี Nasdaq Composite ลดลง 172.91 จุด หรือ 0.76% ปิดที่ 22,521.70 จุด

 

ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงจากความวิตกเกี่ยวกับสงครามการค้า และรายงานจากสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) ที่ส่งสัญญาณถึงอุปทานที่อาจเพิ่มขึ้นและความต้องการที่ลดลง 

 

น้ำมันดิบสหรัฐฯ ลดลง 1.33% ปิดที่ 58.70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล 

 

ขณะที่น้ำมันดิบเบรนท์ลดลง 1.47% ปิดที่ 62.39 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

 

ราคาทองคำพุ่งทะลุระดับ 4,100 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากนักลงทุนหันมาถือครองสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความไม่แน่นอนจากสถานการณ์การค้าระหว่างวอชิงตันและปักกิ่ง 

 

ราคาทองสปอตเพิ่มขึ้น 0.75% อยู่ที่ 4,140.97 ดอลลาร์ต่อออนซ์ 

 

ส่วนสัญญาทองคำล่วงหน้าในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 0.77% ปิดที่ 4,140.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์.