มาครง ตั้งนายกที่เพิ่งลาออกกลับตำแหน่ง ฝ่ายค้านลั่น “ตลกร้าย”

ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง แห่งฝรั่งเศส ได้ลงนามแต่งตั้งนายเซบาสเตียง เลอกอร์นู กลับเข้าดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง เพียงไม่กี่วันหลังจากเจ้าตัวลาออกจากตำแหน่งเดิม ท่ามกลางเสียงคัดค้านอย่างรุนแรงจากฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองที่ประกาศจะโหวตไม่ไว้วางใจรัฐบาลชุดใหม่

 

การแต่งตั้งครั้งนี้เกิดขึ้นในขณะที่รัฐบาลฝรั่งเศสกำลังเผชิญวิกฤตทางการเมืองครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายทศวรรษ โดยสภาผู้แทนราษฎรมีความแตกแยกอย่างลึกซึ้ง และประธานาธิบดีมาครงเองก็ถูกเรียกร้องให้ยุบสภาหรือแม้แต่ลาออกจากตำแหน่ง

 

การกลับมารับตำแหน่งครั้งที่สองของเลอกอร์นูได้รับเสียงวิจารณ์อย่างเผ็ดร้อนจากพรรคการเมืองทั้งฝั่งขวาจัดและซ้ายจัด โดยนายจอร์แดน บาร์เดลลา หัวหน้าพรรคแนชันนัลแรลลี ทวีตข้อความในแพลตฟอร์ม X ระบุว่า “รัฐบาลเลอกอร์นู 2 ซึ่งแต่งตั้งโดยมาครงที่แยกตัวออกจากประชาชนมากขึ้นทุกวัน ถือเป็นเรื่องตลกร้าย ละเมิดหลักประชาธิปไตย และเป็นความอับอายของชาวฝรั่งเศส”

 

เป้าหมายเร่งด่วน: งบประมาณปี 2026

 

แม้พรรคสังคมนิยมและพรรครีพับลิกันซึ่งเป็นกลุ่มการเมืองหลักจะยังไม่มีท่าทีชัดเจน แต่ทั้งสองพรรคจะมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อการอยู่รอดของรัฐบาลเลอกอร์นู

 

ภารกิจเร่งด่วนของนายกรัฐมนตรีคนใหม่คือการผลักดันร่างงบประมาณประจำปี 2026 ให้เข้าสู่ที่ประชุมสภาภายในวันจันทร์หน้า โดยเลอกอร์นูระบุในข้อความผ่าน X ว่า

 

“ผมยอมรับภารกิจนี้ด้วยสำนึกในหน้าที่ตามที่ประธานาธิบดีมอบหมาย เพื่อทำทุกวิถีทางให้ฝรั่งเศสมีงบประมาณที่ชัดเจนภายในสิ้นปีนี้ และเพื่อแก้ไขปัญหาในชีวิตประจำวันของประชาชน เราต้องยุติวิกฤตการเมืองที่กำลังทำให้ชาวฝรั่งเศสเบื่อหน่าย และยุติความไม่มั่นคงซึ่งส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์และผลประโยชน์ของชาติ”

 

เสถียรภาพระยะสั้น หรือจุดเริ่มต้นของความปั่นป่วน?

 

แหล่งข่าวใกล้ชิดกับประธานาธิบดีเผยว่า เลอกอร์นูได้รับ “อิสระเต็มที่” จากมาครง ในการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีและบริหารงบประมาณ สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของผู้นำฝรั่งเศสในการสร้างฉันทามติจากพรรคการเมืองกระแสหลัก

 

อย่างไรก็ตาม ความพยายามของมาครงในการเรียกรวมผู้นำพรรคการเมืองเพื่อหารือและสร้างความร่วมมือ กลับสร้างความไม่พอใจให้แก่พรรคฝ่ายซ้ายบางส่วน เนื่องจากไม่มีการแต่งตั้งตัวแทนของพวกเขาเป็นนายกรัฐมนตรี

 

หากรัฐบาลเลอกอร์นูล่มอีกครั้ง ย่อมเพิ่มความเป็นไปได้ที่มาครงจะต้องยุบสภาและจัดการเลือกตั้งใหม่ ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ถูกมองว่าอาจเอื้อประโยชน์ให้กับพรรคการเมืองขวาจัด

 

ความปั่นป่วนในระบบการเมืองของฝรั่งเศสยังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นของตลาดการเงิน โดยต้นเหตุส่วนหนึ่งมาจากการเลือกตั้งเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งส่งผลให้สภาไม่มีเสียงข้างมากอย่างชัดเจน และถูกแบ่งออกเป็นสามกลุ่มอุดมการณ์หลักที่ไม่สามารถหาข้อตกลงร่วมกันได้

 

ขณะที่ประเทศจำเป็นต้องฟื้นฟูเสถียรภาพการเงิน ผ่านการตัดงบประมาณหรือเพิ่มภาษี ซึ่งล้วนเป็นมาตรการที่ยังไม่มีพรรคการเมืองใดยินยอมให้การสนับสนุน หากรัฐสภาไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณได้ทันเวลา อาจต้องใช้กฎหมายพิเศษเพื่อบริหารประเทศต่อไปภายใต้งบประมาณแบบชั่วคราวในปีหน้า