เวทีวุฒิสภาต่อรองล้มเหลว สหรัฐเผชิญชัตดาวน์ต่อจนสัปดาห์หน้า

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ความพยายามของวุฒิสภาสหรัฐฯ ในการยุติภาวะชัตดาวน์ของรัฐบาลได้ประสบความล้มเหลวอีกครั้ง หลังจากร่างแผนฟื้นฟูงบประมาณของพรรครีพับลิกันไม่ได้รับเสียงสนับสนุนเพียงพอ โดยผลการลงมติอยู่ที่ 54 ต่อ 44 เสียง ไม่ถึงเกณฑ์ 60 เสียงตามข้อกำหนด ส่งผลให้รัฐบาลกลางยังคงปิดทำการอย่างน้อยจนถึงวันจันทร์

ในเวลาเดียวกัน คณะบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศระงับงบประมาณกว่า 2.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ที่จัดสรรเพื่อพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะของนครชิคาโก โดยให้เหตุผลว่าเพื่อป้องกันการจัดสรรผ่านสัญญาที่มีการเลือกปฏิบัติด้านเชื้อชาติ การดำเนินการดังกล่าวนับเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการกดดันทางการเมืองที่รัฐบาลทรัมป์ใช้กับเมืองและรัฐที่อยู่ภายใต้การนำของพรรคเดโมแครต โดยจนถึงขณะนี้มีวงเงินงบประมาณที่ถูกระงับแล้วกว่า 2.8 หมื่นล้านดอลลาร์

เจบี พริตซ์เกอร์ ผู้ว่าการรัฐอิลลินอยส์ และนักการเมืองสายเดโมแครตที่ถูกจับตามองว่าอาจลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในปี 2028 กล่าวโจมตีการระงับงบประมาณครั้งนี้ว่าเป็นการ “จับประชาชนเป็นตัวประกัน” พร้อมย้ำว่าจะสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจและประชาชนที่พึ่งพาการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะ

ทำเนียบขาวระบุเพิ่มเติมว่ากำลังพิจารณาระงับงบประมาณจากเมืองพอร์ตแลนด์ รัฐโอเรกอน ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เคยมีการประท้วงใหญ่ในสมัยแรกของทรัมป์ นอกจากนี้ยังมีรายงานว่าประธานาธิบดีทรัมป์อาจสั่งเลิกจ้างข้าราชการเพิ่มเติมจากจำนวน 300,000 ตำแหน่งที่ถูกบังคับให้ออกจากงานในปีนี้

ขณะที่สมาชิกพรรครีพับลิกันบางส่วนมองว่ามาตรการกดดันของทรัมป์ไม่เป็นปัญหา แม้จะกระทบต่ออำนาจด้านงบประมาณของสภาคองเกรสก็ตาม อย่างไรก็ตาม บางฝ่ายเตือนว่าการตัดงบเช่นนี้อาจยิ่งทำให้การเจรจาหาทางออกยืดเยื้อและสร้างบรรยากาศที่ไม่เอื้อต่อความร่วมมือ

การชัตดาวน์ครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 15 นับตั้งแต่ปี 1981 และหากยืดเยื้อเกินวันจันทร์ จะกลายเป็นครั้งที่ 4 ที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ ปัจจุบันงบประมาณราว 1.7 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งคิดเป็นหนึ่งในสี่ของการใช้จ่ายภาครัฐ ถูกแช่แข็ง ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของหน่วยงานต่าง ๆ งานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ การกำกับดูแลด้านการเงิน รวมถึงการเลื่อนการจ่ายค่าจ้างของเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางประมาณ 2 ล้านคน

นอกจากนี้ ยังมีความกังวลว่าหากสถานการณ์ดำเนินต่อไป อาจกระทบต่อการเดินทางทางอากาศ การแจกจ่ายอาหารช่วยเหลือ และอาจนำไปสู่การปิดทำการของศาลรัฐบาลกลาง ขณะที่แรงงานภาครัฐจะไม่ได้รับค่าจ้างงวดแรกในช่วงกลางเดือนตุลาคม หากวิกฤติครั้งนี้ไม่สิ้นสุดลงภายในกำหนดดังกล่าว.