เนปาลเพิ่มยอดผู้เสียชีวิตเหตุประท้วงต้านคอร์รัปชันเป็น 72 ราย

เหตุการณ์ดังกล่าวนับเป็นความรุนแรงทางการเมืองครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบหลายทศวรรษ โดยกลุ่มผู้ชุมนุมซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนรุ่นใหม่ออกมาเดินขบวนในกรุงกาฐมาณฑุและเมืองต่าง ๆ ส่งผลให้นายกรัฐมนตรี เค.พี. ชาร์มา โอลี ประกาศลาออกจากตำแหน่งเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา

 

เจ้าหน้าที่ความมั่นคงได้ใช้แก๊สน้ำตาและกระสุนยางในการสลายการชุมนุม ขณะที่ผู้ประท้วงบางส่นได้จุดไฟเผาอาคารสำคัญของรัฐ รวมถึงศาลฎีกา รัฐสภา สถานีตำรวจ บ้านพักนักการเมือง และสถานประกอบการเอกชน

 

โฆษกกระทรวงสาธารณสุข นายปรากาศ บูดาโธกี เปิดเผยว่า มีผู้บาดเจ็บอย่างน้อย 2,113 คนจากเหตุการณ์ครั้งนี้ โดยร่างผู้เสียชีวิตจำนวนมากถูกพบในห้างสรรพสินค้า บ้านเรือน และอาคารที่ถูกโจมตีหรือถูกไฟไหม้

 

อดีตประธานศาลฎีกา นางสุศิลา คาร์กี ได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีรักษาการเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา นับเป็นสตรีคนแรกที่ขึ้นดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศ พร้อมภารกิจจัดการเลือกตั้งทั่วไปที่มีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 5 มีนาคม

 

รัฐบาลประกาศมอบเงินชดเชยครอบครัวผู้เสียชีวิตจำนวน 1 ล้านรูปี (ประมาณ 7,100 ดอลลาร์สหรัฐ) และให้การรักษาพยาบาลผู้บาดเจ็บโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

 

ประธานาธิบดี รามจันทรา เปาเดล ได้ประกาศยุบสภาผู้แทนราษฎรและกำหนดวันเลือกตั้งใหม่ในวันที่ 5 มีนาคม ภายหลังการหารือร่วมกับผู้บัญชาการทหารบกและแกนนำการประท้วง

 

อินเดียในฐานะประเทศเพื่อนบ้านได้ออกแถลงการณ์แสดงความหวังว่า สถานการณ์ล่าสุดในเนปาลจะนำไปสู่สันติภาพและเสถียรภาพ ขณะที่เนปาลยังคงเผชิญกับความไม่มั่นคงทางการเมืองและเศรษฐกิจนับตั้งแต่การล้มเลิกระบอบกษัตริย์เมื่อปี 2008 และการขาดแคลนงานทำที่ผลักดันให้แรงงานหนุ่มสาวจำนวนมากเดินทางไปทำงานต่างประเทศ เช่น ตะวันออกกลาง เกาหลีใต้ และมาเลเซีย