สนามบินนานาชาติเตโช ความฝันของกัมพูชาในการเป็นฮับการบิน

วันที่ 9 กันยายน 2568 คือการเริ่มต้นศักราชใหม่ของการบินและเศรษฐกิจกัมพูชา ที่สนามบินนานาชาติเตโช (Techo International Airport) เครื่องบินลำแรกของสายการบินแอร์แคมโบเดีย เที่ยวบินที่ K6 611 จากประเทศจีน ลงแตะพื้นเที่ยวบินเป็นปฐมฤกษ์

โครงการก่อสร้างสนามบินนานาชาติเตโช เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ชาติที่ สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภาแห่งกัมพูชา กล่าวยกย่องโครงการนี้ว่าเป็น "ประตูสู่โลกใบใหม่ของกัมพูชา" ซึ่งเป็นความมุ่งมั่นที่จะนำพาประเทศไปสู่ความก้าวหน้าในเวทีโลก โดยมีเป้าหมายหลัก 3 ประการ

• ปลุกการท่องเที่ยว: หลังมรสุมโควิด-19 สนามบินเตโชคือหมุดหมายใหม่ที่จะต้อนรับนักท่องเที่ยวนานาชาติและสายการบินต่างๆ ให้กลับเข้ามาอีกครั้ง เสริมสร้างภาพลักษณ์ของกัมพูชาที่ทันสมัย

• ยกระดับสู่ศูนย์กลางการบิน: ด้วยศักยภาพที่เหนือกว่าสนามบินแห่งชาติเดิม สนามบินนานาชาติเตโชถูกวางตำแหน่งให้เป็นศูนย์กลางการขนส่งทางอากาศ (Aviation Hub) ที่สำคัญของภูมิภาค สามารถรองรับเที่ยวบินระยะไกลข้ามทวีป และเป็นจุดเชื่อมต่อการเดินทางและโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพ

• จุดประกายการเติบโตทางเศรษฐกิจ: โครงสร้างพื้นฐานขนาดมหึมานี้จะมีส่วนช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจในภาพรวม ทั้งในด้านการค้า การลงทุน และการจ้างงาน ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการพัฒนาพื้นที่โดยรอบ และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในระยะยาว

สนามบินนานาชาติเตโช ถือเป็นสนามบินระดับ 4F (ระดับสูงสุด) มีขนาดพื้นที่ 2,600 เฮกตาร์ (ประมาณ 16,250 ไร่) รองรับเครื่องบิน ทุกประเภท รวมถึง Airbus A380 และ Boeing 747 โดยมีขีดความสามารถรองรับผู้โดยสารระยะแรก 13-15 ล้านคน/ปี (เป้าหมาย 45 ล้านคนภายในปี 2593) มูลค่าการลงทุนประมาณ 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

 นอกจากความสามารถในการใช้งานแล้ว สนามบินแห่งนี้ยังโดดเด่นด้วยการออกแบบสถาปัตยกรรมโดยบริษัทชั้นนำอย่าง Foster and Partners จากประเทศอังกฤษ  ภายในอาคารผู้โดยสารที่ตกแต่งอย่างดี สะท้อนวัฒนธรรมท้องถิ่นผ่านการประดับด้วย พระพุทธรูปสีทอง  และต้นไม้ขนาดใหญ่  

สนามบินนานาชาติเตโชเป็นส่วนหนึ่งของแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศที่สำคัญต่อจากสนามบินนานาชาติเสียมราฐ-อังกอร์ที่เปิดตัวไปเมื่อปี 2566 ซึ่งหวังใช้โครงสร้างพื้นฐานด้านการบินระดับโลก เพื่อยึดครองตลาดการท่องเที่ยวสองแห่งที่สำคัญที่สุดของประเทศ

เมื่อปีที่แล้วกัมพูชามีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาถึง 6.7 ล้านคน สร้างรายได้มหาศาลให้ประเทศประมาณ 3.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ตัวเลขดังกล่าวชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นเร่งด่วนที่รัฐบาลต้องยกระดับโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต

แต่ท่ามกลางความยินดีกับการเปิดตัวโครงการขนาดใหญ่ ก็มีประเด็นด้านผลกระทบต่อชุมชนท้องถิ่นที่ถูกหยิบยกขึ้นมา องค์กรพัฒนาเอกชน Sahmakum Teang Tnaut (STT) ได้เปิดเผยรายงานที่ประเมินว่ามีครัวเรือนประมาณ 2,000 ครัวเรือน ที่ได้รับผลกระทบหรือเผชิญกับการถูกไล่ที่อันเป็นผลมาจากการก่อสร้างสนามบินแห่งนี้

แม้จะเริ่มให้บริการแล้วตั้งแต่วันที่ 9 กันยายน แต่พิธีเปิดอย่างเป็นทางการจะจัดขึ้นในวันที่ 20 ตุลาคม โดยสนามบินแห่งใหม่นี้จะทำหน้าที่เป็นเครื่องยนต์สำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และการลงทุนของประเทศไปอีกหลายทศวรรษ