posttoday

ตลาดหุ้นสหรัฐ ปิดทำสถิติสูงสุดใหม่ หลังเงินเฟ้อชะลอตัว

13 สิงหาคม 2568

ตลาดหุ้นสหรัฐ ปิดทำสถิติสูงสุดครั้งใหม่ รับแรงหนุนจากเงินเฟ้อชะลอ สร้างความหวังต่อการลดดอกเบี้ย ด้านราคาน้ำมันยังลดต่อเนื่อง

KEY

POINTS

  • ดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ปิดตลาดทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์
  • ปัจจัยหนุนหลักมาจากตัวเลขเงินเฟ้อเดือนกรกฎาคมที่ชะลอตัวลง ทำให้นักลงทุนคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย
  • ตลาดยังได้รับแรงหนุนเพิ่มเติมจากการที่สหรัฐฯ และจีนตกลงขยายเวลาการระงับการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าระหว่างกัน

ดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ปิดทำสถิติสูงสุดครั้งใหม่เมื่อวันอังคาร (ตามเวลาสหรัฐฯ) หลังข้อมูลเงินเฟ้อเดือนกรกฎาคมเคลื่อนไหวใกล้เคียงกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ ส่งผลให้นักลงทุนเพิ่มความคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า

 

กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ รายงานว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนกรกฎาคมปรับขึ้น 0.2% เมื่อเทียบรายเดือน ขณะที่เงินเฟ้อรายปีอยู่ต่ำกว่าคาดเล็กน้อย ทำให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เรียกร้องให้ Fed ลดดอกเบี้ย

 

ความเคลื่อนไหวของหุ้นรายตัว

• Alphabet ปรับตัวขึ้น 1.2% หลังมีรายงานว่า Perplexity เสนอซื้อธุรกิจเบราว์เซอร์ Chrome ด้วยเงินสดมูลค่า 34.5 พันล้านดอลลาร์

• Intel Corp พุ่งขึ้น 5.6% หลังทรัมป์เปิดเผยว่าได้พบกับซีอีโอ ลิป-บู ตัน เมื่อวันจันทร์ และชื่นชมการหารือว่า “น่าสนใจมาก” ทั้งที่สัปดาห์ก่อนหน้า ทรัมป์เคยเรียกร้องให้ตันลาออกโดยทันที โดยให้เหตุผลเรื่องความขัดแย้งทางผลประโยชน์จากความสัมพันธ์กับบริษัทจีน

 

ภาพรวมดัชนีตลาด

• Dow Jones Industrial Average ปิดเพิ่มขึ้น 483.52 จุด หรือ 1.10% ที่ระดับ 44,458.61

• S&P 500 เพิ่มขึ้น 72.31 จุด หรือ 1.13% ที่ 6,445.76

• Nasdaq Composite ขยับขึ้น 296.50 จุด หรือ 1.39% ที่ 21,681.90

 

นักลงทุนยังคงกังวลต่อความน่าเชื่อถือของข้อมูลเศรษฐกิจ หลังจากทรัมป์ปลดผู้อำนวยการสำนักสถิติแรงงานจากการปรับลดตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรย้อนหลัง ขณะเดียวกันตลาดจับตาความคืบหน้าในการแต่งตั้ง E.J. Antoni เป็นผู้บัญชาการสำนักฯ และการเฟ้นหาผู้ว่าการ Fed คนใหม่

 

บรรยากาศการลงทุนได้รับแรงหนุนเพิ่มจากการที่สหรัฐฯ และจีนตกลงขยายการหยุดเก็บภาษีนำเข้าสินค้าตอบโต้ไปจนถึงวันที่ 10 พฤศจิกายน ทำให้เลี่ยงการใช้ภาษีในระดับสามหลักต่อสินค้าของกันและกัน

 

ราคาสินค้าโภคภัณฑ์

 

• น้ำมันดิบ ลดลงจากแรงขายก่อนรายงานสต๊อกน้ำมันของสหรัฐฯ และคาดการณ์อุปสงค์ลดลงเมื่อสิ้นสุดฤดูกาลขับขี่ในต้นกันยายน โดยน้ำมันดิบเบรนท์ปิดที่ 66.12 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลง 51 เซนต์ หรือ 0.77% ขณะที่น้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ปิดที่ 63.17 ดอลลาร์ ลดลง 79 เซนต์ หรือ 1.24%

 

• ทองคำ ราคาทองสปอตขยับขึ้น 0.1% สู่ 3,347.34 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จากความคาดหวังว่า Fed จะลดดอกเบี้ย และนักลงทุนหันไปจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญที่จะประกาศในสัปดาห์นี้

 

ข่าวล่าสุด

เปิดแฟ้มครม.9 ธ.ค.68 ลุ้นคนละครึ่งพลัส2 เคลียร์โครงการงบค้างท่อ