สหรัฐฯ-จีน บรรลุข้อตกลงเบื้องต้น คลี่คลายข้อพิพาทการค้าบางส่วน
สหรัฐฯ-จีน บรรลุข้อตกลงเบื้องต้นในการเจรจาการค้า ยุติข้อจำกัดการส่งออกแร่หายาก หวังยับยั้งสงครามภาษีรอบใหม่ ก่อนถึงเส้นตายเดือนสิงหาคม
สหรัฐอเมริกาและจีนประกาศความคืบหน้าในการเจรจาทางการค้า โดยได้บรรลุข้อตกลงเบื้องต้นเพื่อฟื้นฟูมาตรการผ่อนปรนภาษีศุลกากร และยุติมาตรการจำกัดการส่งออกของจีนที่มีต่อแร่หายาก ซึ่งถือเป็นความพยายามในการรักษาเสถียรภาพของความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างสองชาติมหาอำนาจ แม้ยังไม่มีการแก้ไขความขัดแย้งเชิงโครงสร้างอย่างถาวร
นายฮาเวิร์ด ลัดนิค รัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐฯ ระบุว่า ข้อตกลงฉบับใหม่นี้เป็นการ “เติมเนื้อหาให้กับกรอบแนวคิด” ที่ผู้นำทั้งสองฝ่ายตกลงกันไว้ในการประชุมที่เจนีวาเมื่อเดือนก่อน และในการโทรศัพท์ระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เมื่อวันที่ 5 มิถุนายนที่ผ่านมา
“เราจะนำข้อตกลงกลับไปหารือกับประธานาธิบดีทรัมป์ เช่นเดียวกับทางจีนที่ต้องขออนุมัติจากประธานาธิบดีสี ก่อนจะดำเนินการขั้นต่อไป” ลัดนิคกล่าวกับผู้สื่อข่าว
ด้านนายหลี่ เฉิงกัง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์จีน ก็ได้แถลงในทิศทางเดียวกัน โดยยืนยันว่าได้มีการบรรลุ “กรอบความตกลงเบื้องต้น” ซึ่งอยู่ภายใต้การเห็นชอบร่วมกันของผู้นำทั้งสองประเทศ
เนื้อหาหลักของข้อตกลง
หนึ่งในสาระสำคัญของกรอบความตกลงคือ การที่จีนจะยกเลิกข้อจำกัดการส่งออกแร่หายากและแม่เหล็กไปยังสหรัฐฯ ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า ขณะที่สหรัฐฯ จะผ่อนปรนมาตรการควบคุมการส่งออกสินค้าด้านเทคโนโลยี เช่น ซอฟต์แวร์ออกแบบเซมิคอนดักเตอร์ และสารเคมีเฉพาะทาง
ทั้งนี้ ข้อตกลงดังกล่าวมุ่งหวังที่จะชะลอการกลับมาใช้ภาษีศุลกากรแบบตอบโต้ ซึ่งเดิมมีกำหนดจะมีผลในวันที่ 10 สิงหาคม โดยอัตราภาษีของสหรัฐฯ จะกระโดดจาก 30% เป็น 145% และของจีนจาก 10% เป็น 125% หากไม่สามารถตกลงกันเพิ่มเติมได้
ปฏิกิริยาตลาดและมุมมองนักวิเคราะห์
แม้นักลงทุนจะตอบรับข่าวอย่างระมัดระวัง โดยดัชนีหุ้นเอเชียนอกญี่ปุ่นปรับเพิ่มขึ้นเพียง 0.2% แต่นักวิเคราะห์เห็นว่าความคืบหน้านี้ “ดีกว่าจุดเริ่มต้นเดิมที่ยังไม่มีแนวทางชัดเจน”
“รายละเอียดจะเป็นตัวกำหนดผลลัพธ์ในระยะยาว โดยเฉพาะปริมาณแร่หายากที่จะถูกส่งออกไปยังสหรัฐฯ และการเปิดทางให้ชิปจากสหรัฐฯ เดินทางกลับไปยังเอเชียได้อีกครั้ง”
— นายคริส เวสตัน, หัวหน้าฝ่ายวิจัย Pepperstone
บริบททางเศรษฐกิจและผลกระทบ
ท่ามกลางแรงกดดันจากสงครามการค้า ธนาคารโลกได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจโลกในปี 2025 เหลือเพียง 2.3% โดยให้เหตุผลว่าการขึ้นภาษีและความไม่แน่นอนทางการค้ายังคงเป็นอุปสรรคสำคัญ
ข้อมูลจากศุลกากรจีนยังชี้ให้เห็นว่าการส่งออกไปยังสหรัฐฯ ลดลงถึง 34.5% ในเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นการลดลงสูงสุดนับตั้งแต่ช่วงการระบาดของโควิด-19