posttoday

สัญญาณบวก ทรัมป์ – สี จิ้นผิง เริ่มเจรจาลดความตึงเครียดทางการค้า

06 มิถุนายน 2568

ทรัมป์ – สี จิ้นผิง เห็นพ้องเดินหน้าหารือเพิ่มเติม เพื่อลดความตึงเครียดทางการค้า ที่กำลังส่งผลกระทบไปทั่วโลก

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้หารือทางโทรศัพท์เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา เพื่อลดความตึงเครียดที่ทวีความรุนแรงขึ้นในช่วงหลายสัปดาห์จากข้อพิพาททางการค้า รวมถึงความขัดแย้งเกี่ยวกับแร่หายาก ซึ่งเป็นการพูดคุยระหว่างผู้นำทั้งสองที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก และยังคงเปิดประเด็นสำคัญให้มีการเจรจาเพิ่มเติมในอนาคต

 

แถลงการณ์ของรัฐบาลจีนระบุว่า ระหว่างการสนทนาเป็นเวลากว่าหนึ่งชั่วโมง ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้เรียกร้องให้สหรัฐฯ ยุติมาตรการทางการค้าที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก พร้อมทั้งเตือนสหรัฐฯ ให้หลีกเลี่ยงการดำเนินการใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับไต้หวันซึ่งอาจสร้างความตึงเครียดเพิ่มเติม

 

ในขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีทรัมป์ได้แถลงผ่านสื่อสังคมออนไลน์ว่า การเจรจาดังกล่าวมีความคืบหน้าในเชิงบวก โดยทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะจัดการหารือในระดับเจ้าหน้าที่เพิ่มเติม และเขากล่าวว่า “ไม่ควรมีข้อสงสัยอีกต่อไปเกี่ยวกับความซับซ้อนของผลิตภัณฑ์แร่หายาก”

 

ทรัมป์ยังกล่าวเพิ่มเติมต่อผู้สื่อข่าวว่า “ความสัมพันธ์ทางการค้ากับจีนอยู่ในสภาพที่ดีมาก” พร้อมเปิดเผยว่า ผู้นำทั้งสองได้เชิญกันและกันให้เยือนประเทศของตนในอนาคต

 

การหารือครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความขัดแย้งล่าสุดระหว่างสหรัฐฯ กับจีนเกี่ยวกับการส่งออกแร่หายาก ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในอุตสาหกรรมยานยนต์ ชิปอิเล็กทรอนิกส์ และอุปกรณ์ทางการทหาร โดยในเดือนเมษายนที่ผ่านมา จีนได้ประกาศระงับการส่งออกแร่หายากหลายชนิด ซึ่งสร้างแรงสั่นสะเทือนต่อห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก

 

ทั้งนี้ ยังไม่มีความชัดเจนจากแถลงการณ์ของทั้งสองประเทศว่า ประเด็นปัญหาแร่หายากได้ข้อยุติหรือไม่

 

ประธานาธิบดีทรัมป์เปิดเผยว่า คณะผู้แทนของสหรัฐฯ นำโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง สกอตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีพาณิชย์ ฮาเวิร์ด ลัทนิค และผู้แทนการค้าจากสหรัฐฯ เจมีสัน เกรียร์ จะเดินทางไปพบกับเจ้าหน้าที่จีนในเร็ว ๆ นี้ ณ สถานที่ที่จะมีการกำหนดต่อไป

 

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม สหรัฐฯ และจีนได้ตกลงระงับมาตรการภาษีตอบโต้ระหว่างกันชั่วคราวเป็นระยะเวลา 90 วัน อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงดังกล่าวยังไม่ครอบคลุมประเด็นสำคัญอื่น ๆ ที่เป็นต้นตอของความตึงเครียด เช่น การค้าเฟนทานิลที่ผิดกฎหมาย สถานะของไต้หวัน และข้อร้องเรียนเกี่ยวกับรูปแบบเศรษฐกิจของจีนที่พึ่งพารัฐเป็นหลัก

 

นับตั้งแต่กลับเข้าสู่ทำเนียบขาวในเดือนมกราคมที่ผ่านมา ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ข่มขู่พันธมิตรทางการค้าด้วยมาตรการลงโทษต่าง ๆ หลายครั้ง ก่อนจะยกเลิกในนาทีสุดท้าย ซึ่งสร้างความสับสนแก่ผู้นำต่างชาติ และกระทบความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจ

 

รัฐบาลจีนยืนยันในถ้อยแถลงว่า “ฝ่ายสหรัฐฯ ควรมองเห็นความก้าวหน้าที่เกิดขึ้นอย่างเป็นจริง และยุติมาตรการในเชิงลบต่อจีน” พร้อมทั้งระบุว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้เน้นย้ำให้สหรัฐฯ จัดการกับประเด็นไต้หวันด้วยความรอบคอบ

 

ข่าวล่าสุด

"พลังงาน" สั่งเข้ม! ตรวจสอบปริมาณส่งออกน้ำมัน ทางบก-เรือ พร้อมร่วมมือกองทัพสกัดลักลอบส่งน้ำมันเข้ากัมพูชา