อดีตพนักงาน Meta แฉ ทีมผู้บริหารเมินปัญหาเยาวชนถูกคุกคามบนโซเชียล

Arturo Bejar อดีตพนักงานของ Meta ได้ให้การเป็นพยานต่อหน้าคณะอนุกรรมการตุลาการวุฒิสภาด้านความเป็นส่วนตัว เทคโนโลยี และกฎหมาย เพื่อพิจารณาคดีที่มีความเกี่ยวข้องกับโซเชียลมีเดียและผลกระทบต่อสุขภาพจิตของเยาวชน

เขาเคยทำงานให้กับ Instagram ในส่วน well-being ตั้งแต่ปี 2019 -2021 ขณะที่ก่อนหน้านั้นเขาเคยเป็นผู้อำนวยการฝ่ายวิศวกรรมให้กับทีม Protect and Care ของ Facebook ตั้งแต่ปี 2009 - 2015 โดยเป้าหมายของเขาระหว่างการทำงานที่ Meta คือการออกแบบให้ Facebook และ Instagram สามารถกระตุ้นให้ผู้ใช้มีพฤติกรรมเชิงบวกมากขึ้น รวมถึงหาแนวทางให้เยาวชนมีเครื่องมือเพื่อรายงานประสบการณ์ที่ไม่น่าพึงพอใจระหว่างการใช้แพลตฟอร์มโซเชียล

“ถึงเวลาที่สาธารณชนและผู้ปกครองจะได้ทราบถึงผลกระทบของโซเชียลมีเดีย มันถึงเวลาแล้วที่เราควรมีเครื่องมือเพื่อรายงานและระงับการถูกละเมิดบนแพลตฟอร์มออนไลน์สำหรับเยาวชน” Arturo Bejar กล่าว

คำให้การของ Bejar เกิดขึ้นท่ามกลางการผลักดันของพรรคการเมืองทั้งสองฝ่ายในสภาคองเกรส โดยระบุว่าควรมีกฎหมายที่กำหนดให้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต้องมีเครื่องมือสำหรับผู้ปกครองเพื่อปกป้องเยาวชนจากการถูกคุกคามบนโลกออนไลน์

Bejar กล่าวกับวุฒิสมาชิกว่าเขาได้พบกับผู้บริหารระดับสูงของบริษัทอยู่เป็นประจำ รวมถึงประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Mark Zuckerberg ซึ่งในช่วงเวลานั้นพวกเขาถือว่าจัดการกับปัญหาบนแพลตฟอร์มออนไลน์ได้ดี แต่หลังจากนั้นฝั่งผู้บริหารกลับตัดสินใจและยืนยันว่าจะไม่แก้ปัญหาใดๆที่เกี่ยวข้องกับการถูกล่วงละเมิดและภัยคุกคามอีก

Bejar เขียนอีเมลเพื่อแจ้งข้อมูลภายในแก่ Zuckerberg และทีมผู้บริหารระดับสูงตั้งแต่ปี 2021 โดยระบุว่า ผู้ใช้ Instagram 51% กดรายงานปัญหาว่าพบประสบการณ์ที่ไม่ดีหรือเป็นอันตรายบนแพลตฟอร์ม ซึ่งในจำนวนนี้ 24.4% เป็นผู้ใช้ที่มีอายุ 13-15 ปี ที่รายงานว่าพบกับพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ทางเพศ

นอกจากนี้ Bejar เคยให้ความเห็นต่อทีมผู้บริหารด้วยว่าลูกสาวของเขาวัย 16 ปี ได้รับคอมเมนต์ในเชิงสร้างความเกลียดชัง อคติต่อเพศหญิง และรูปถ่ายลามกอนาจาร ซึ่งไม่มีเครื่องมือใดๆที่สามารถรายงานประสบการณ์อันไม่น่าพึงพอใจให้กับบริษัททราบ

ทั้งนี้ Bejar ได้มอบหลักฐานว่าผู้บริหารของ Meta เพิกเฉยต่อความเสี่ยงและภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นต่อกลุ่มเยาวชนเมื่อใช้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียของบริษัทต่อวุฒิสมาชิกสองรายที่ให้การสนับสนุนกฎหมาย Kids Online Safety Act นอกจากนี้เขายังระบุว่า เป็นเรื่องน่าเศร้า ที่บรรดาผู้มีอำนาจของบริษัทรับรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่พวกเขาไม่ลงมือแก้ไขใดๆเลย