เมื่อคลังสินค้าของ Amazon กำลังจะถูกขับเคลื่อนด้วยหุ่นยนต์
การจัดการคลังสินค้า ถือเป็นหนึ่งในเรื่องน่าปวดหัวโดยเฉพาะกับอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ ด้วยจำเป็นต้องจัดการปริมาณสินค้าและข้อมูลจำนวนมหาศาล แต่ล่าสุดเว็บขายของเจ้าใหญ่ Amazon ได้เปิดตัวระบบใหม่ กับคลังสินค้าที่จะถูกขับเคลื่อนด้วยหุ่นยนต์อัตโนมัติ
สำหรับประเทศไทยหลายท่านอาจไม่คุ้นเคยกับเว็บไซต์ Amazon นัก แต่ในต่างประเทศนี่ถือเป็นบริษัทขายของออนไลน์อันดับต้นๆ ของโลก ได้รับความนิยมในการใช้งานทั่วไปในหลายประเทศ ผลักดันให้บริษัทนี้กลายเป็นอีกหนึ่งบริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีธุรกิจและให้บริการรอบด้าน หนึ่งในนั้นคือบริการจัดส่งสินค้า
แน่นอนเมื่อเปิดบริการโลจิสติกส์ระดับโลกย่อมทำให้บริษัทนี้ต้องมีคลังสินค้าขนาดใหญ่ไม่แพ้กัน เพื่อรองรับปริมาณสินค้าที่ทำการขนส่งในแต่ละวัน ย่อมทำให้ต้องใช้แรงงานปริมาณมหาศาลเพื่อรองรับการขนส่งและจัดระเบียบให้เป็นไปอย่างราบรื่น นำไปสู่ตำแหน่งงานมหาศาลในหลายประเทศ
แต่จะเป็นอย่างไรหากคลังสินค้าของบริษัทโลจิสติกส์ยักษ์ใหญ่นี้กำลังจะถูกขับเคลื่อนด้วยหุ่นยนต์
Sequoia หุ่นยนต์จัดการคลังสินค้าอัตโนมัติ
อันที่จริง Amazon ก็ไม่ถือเป็นหน้าใหม่ในเทคโนโลยีหุ่นยนต์ จากการเข้าซื้อและสนับสนุนบริษัทเทคโนโลยีหุ่นยนต์หลายแห่งนับแต่ปี 2012 เป็นต้นมา เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและบริการลูกค้าในรูปแบบต่างๆ โดยหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่ได้คือ Sparrow แขนกลอัตโนมัติที่ถูกใช้ในการหยิบจับและขนย้ายของในคลังสินค้า
ครั้งนี้พวกเขาได้ทำการเปิดตัว Sequoia หุ่นยนต์จัดการคลังสินค้าอัตโนมัติรุ่นใหม่ ประกอบด้วยสายพานสำหรับจัดเรียงสินค้า แขนกลสำหรับใช้ในการหยิบจับพัสดุ และชั้นวางของซึ่งสามารถเคลื่อนไหวได้โดยอัตโนมัติ ถือเป็นระบบการจัดการคลังสินค้ารุ่นใหม่ที่จะเข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
ขั้นตอนการทำงานจะเริ่มจากเมื่อมีการวางวัสดุบนสายพาน ระบบจะทำการเรียกชั้นวางให้เข้าใกล้ จากนั้นจึงนำพัสดุไปวางบนตำแหน่งที่กำหนด ส่วนกรณีเรียกใช้ก็เพียงกรอกข้อมูลของสินค้าชิ้นที่ต้องการ จากนั้นชั้นวางจะเคลื่อนที่มาด้านหน้า เพื่อให้แขนกลหยิบสินค้านั้นมาวางบนสายพานลำเลียงโดยอัตโนมัติ
หุ่นยนต์จัดการสินค้ารุ่นใหม่นี้จะเพิ่มขีดความสามารถการในหลายด้าน ช่วยให้สามารถระบุและจัดเก็บพัสดุคงคลังได้เร็วกว่าเดิมถึง 75% เพิ่มความสามารถในการบริหารจัดการคลังสินค้าโดยตรง ทั้งยังช่วยย่นเวลาในการจัดเตรียมสินค้าให้พร้อมสำหรับจัดส่งอีก 25% ช่วยเพิ่มความเร็วและจำนวนสินค้าที่จัดส่งในแต่ละวัน
นอกจากหุ่นยนต์คลังสินค้านี้จะสามารถจัดเก็บและเรียกสินค้าจากคลังสินค้าได้โดยอัตโนมัติ ข้อดีอีกประการคือการออกแบบตามสรีรศาสตร์ พัสดุทุกชิ้นจะถูกส่งในระดับต้นขาไปจนถึงหน้าอกของพนักงาน ช่วยลดความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บและผลกระทบทางสุขภาพจากการทำงานในระยะยาวอีกด้วย
ถือเป็นระบบบริหารคลังสินค้ารุ่นใหม่ที่เป็นประโยชน์ต่อทั้งบริษัท ลูกค้า และพนักงานไปพร้อมกัน
Digit หุ่นยนต์รูปร่างมนุษย์ที่ช่วยจัดการคลังสินค้า
นอกจากหุ่นยนต์จัดการคลังสินค้าอัตโนมัติแล้ว ที่ได้รับการเปิดตัวขึ้นมาในเวลาไล่เลี่ยกันคือ Digit หุ่นยนต์รูปแบบ Humanoid หรือ หุ่นที่มีรูปทรงใกล้เคียงมนุษย์ ผลงานจากบริษัท Agility Robotics สตาร์ทอัพทางเทคโนโลยีที่ได้รับการสนับสนุนจากทาง Amazon เอง
ตัวหุ่นได้รับการออกแบบให้มีส่วนสูงอยู่ที่ 175 เซนติเมตร หนัก 65 กิโลกรัม สามารถเคลื่อนที่หลายทิศทางตั้งแต่ไปข้างหน้า, ถอยหลัง, ด้านข้าง หรือแม้แต่โค้งตัวลง รองรับการแบกน้ำหนักสูงสุดราว 16 กิโลกรัม มีคุณสมบัติในการขนส่ง เคลื่อนย้าย ไปจนจัดเรียงสินค้าได้
หุ่นยนต์ชนิดนี้ได้รับการออกแบบมาให้สามารถทำงานได้ในพื้นที่แคบภายในโกดังหรือคลังสินค้า ซึ่งได้รับการออกแบบให้เหมาะสำหรับการใช้งานของมนุษย์เป็นหลัก เนื่องจากขนาดและน้ำหนักร่างกายทุกส่วนได้รับการออกแบบให้เท่ากับค่าเฉลี่ยของคนทั่วไป จึงสามารถรับบทบาทหน้าที่ของมนุษย์ธรรมดาได้อย่างไม่มีปัญหา
แน่นอนถึงตรงนี้คำถามที่หลายท่านอาจฉุกคิดขึ้นมาในหัวคือ Amazon จะนำหุ่นยนต์เข้ามาแทนที่มนุษย์เต็มรูปแบบหรือไม่ ด้วยจำนวนและขอบเขตงานที่ระบบอัตโนมัติสามารถเข้ามาทดแทนคนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างไรก็ตามทางบริษัทยังคงยืนยันว่า พวกเขาพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อแบ่งเบาภาระของพนักงานเป็นหลัก
หุ่นยนต์จัดการคลังสินค้า Sequoia ได้รับการออกแบบให้ส่งเสริมประสิทธิภาพการทำงาน ทั้งในการจัดเรียง เคลื่อนย้าย ไปจนขนส่งสินค้าได้เป็นระบบและรวดเร็วยิ่งขึ้น เมื่อใช้งานร่วมกับหุ่นยนต์แขนกล Sparrow นี่จะเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยลดภาระของพนักงานในคลังสินค้า รวมถึงผลกระทบทางสุขภาพที่เกิดจากการทำงานลงมาก
เช่นเดียวกับหุ่นยนต์ Digit ซึ่งสามารถช่วยในการขนย้ายและจัดระเบียบสินค้า พวกเขายืนยันว่าหุ่นยนต์ไม่ได้ถูกสร้างมาทดแทนหรือนำมาอุดช่องว่างด้านแรงงาน แม้จะมีบางส่วนที่อาจเข้าไปซ้อนทับกับตำแหน่งงานที่มีอยู่ก็ตาม แต่โดยพื้นฐานแล้วหุ่นยนต์ได้รับการออกแบบให้จัดการงานทั่วไปที่มีความธรรมดา ซ้ำซาก และน่าเบื่อหน่ายแทนมนุษย์เป็นหลัก
อีกทั้งแนวทางการใช้งานเทคโนโลยีของทาง Amazon ยังยืนยันว่า แม้ในอนาคตหุ่นยนต์จะได้รับการพัฒนาไปไกลแค่ไหน ก็จำเป็นจะต้องมีมนุษย์คอยกำกับ ควบคุม ไปจนใช้งาน ไม่สามารถรองรับระบบอัตโนมัติอย่างเต็มรูปแบบได้ เพราะสุดท้ายพวกเขายังต้องมีการควบคุมโดยมนุษย์ที่มีวิจารณญาณอยู่ดี
จริงอยู่แม้ได้รับคำยืนยันแต่หลายท่านก็อาจยังคงตั้งคำถามถึงการใช้งานหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติว่าจะเข้ามาทดแทนแรงงานในระบบแค่ไหน อีกทั้งยังนำไปสู่คำถามสำคัญว่า หากบริษัทขนส่งในประเทศไทยคิดนำเทคโนโลยีเดียวกันนี้มาใช้งาน จะผลักดันให้อุตสาหกรรมโลจิสติกส์ในประเทศไทยดำเนินไปในทิศทางใด
คงยากจะคาดเดาคำตอบได้แต่คงส่งผลกระทบครั้งใหญ่ต่อธุรกิจและแรงงานในอุตสาหกรรมนี้มากทีเดียว
ที่มา
https://www.aboutamazon.com/news/operations/amazon-introduces-new-robotics-solutions


