posttoday

อีกระดับแห่งการสื่อสาร สู่ 6G ที่เร็วกว่า 5G ถึง 50 เท่า

26 ตุลาคม 2566

ระบบอินเทอร์เน็ตไร้สายถือเป็นหัวใจสำคัญของโลกยุคใหม่ 5G คือส่วนสำคัญช่วยผลักดันเทคโนโลยีหลายชนิดให้เป็นจริงทั้งอุปกรณ์อัจฉริยะ และ Internet of everything แต่ล่าสุดเรากำลังจะก้าวล้ำไปอีกขั้น เมื่อ 6G ที่กำลังจะมาถึงเร็วกว่า 5G ถึง 50 เท่า

เครือข่ายอินเทอร์เน็ตถือเป็นส่วนสำคัญต่อการใช้ชีวิตประจำวันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีเครือข่ายไร้สายผลักดันมนุษยชาติสู่ขอบเขตใหม่ เปลี่ยนแปลงความเข้าใจที่เคยมี ไปจนยกระดับคุณภาพชีวิตให้สูงขึ้น และถูกยกให้เป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีเปลี่ยนโลก

 

          ปัจจุบันเมื่อพูดถึงเครือข่ายไร้สายที่คุ้นเคยกันหลายท่านอาจนึกถึง 5G ที่ช่วยยกระดับขีดความสามารถในการส่งข้อมูล ช่วยให้เราสอดแทรกระบบอินเทอร์เน็ตไร้สายไว้ในข้าวของเครื่องใช้รอบตัว เป็นรากฐานของอุปกรณ์อัจฉริยะและ Internet of everything(IOT) นานาชนิดที่ทยอยออกมาให้เราได้ใช้งาน

 

          ล่าสุดเครือข่ายไร้สายอาจได้รับการยกระดับไปอีกขั้นจากการมาถึงของเทคโนโลยี 6G ที่เริ่มใกล้ความจริงขึ้นเรื่อยๆ

 

อีกระดับแห่งการสื่อสาร สู่ 6G ที่เร็วกว่า 5G ถึง 50 เท่า

 

6G แห่งอนาคตที่เร็วกว่า 5G ถึง 50 เท่า

 

          เครือข่ายสื่อสารไร้สายได้รับการพัฒนาไม่หยุดยั้ง ในครั้งนี้ได้รับการพัฒนาจากบริษัทเทคโนโลยีอย่าง LG Electronics และสถานบันวิจัย Fraunhofer Heinrich-Hertz ได้ทำการทดสอบระบบส่งข้อมูลผ่านเครือข่าย 6G จนสามารถสร้างสถิติใหม่ที่ส่งข้อมูลเร็วกว่า 5G ถึง 50 เท่า

 

          การพัฒนาระบบ 6G เริ่มได้รับการพูดถึงเป็นวงกว้างภายหลังชัยชนะของ Huawei กับการเข้าถึงเครือข่าย 5G ได้เป็นรายแรกๆ นำไปสู่การแข่งขันและความร่วมมือในการลงทุนพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ หนึ่งในนั้นคือเครือข่ายไร้สาย 6G ที่จะช่วยยกระดับระบบอินเทอร์เน็ตไร้สายไปอีกขั้น

 

          ล่าสุดพวกเขาได้ทำการพัฒนาอุปกรณ์รับ-ส่งข้อมูลรุ่นใหม่สำหรับเครือข่าย 6G โดยเฉพาะ รวมถึงเครื่องขยายกำลังการส่งสัญญาณที่มีอัตราการรบกวนต่ำ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของเครือข่ายมากขึ้นถึง 50% จนสามารถส่งคลื่นความถี่ระดับ เทราเฮิร์ตซ์ (1,000,000,000,000 Hz) ได้สำเร็จ

 

          ด้วยความถี่ระดับเทราเฮิร์จซ์นี่เอง อัตราการส่งข้อมูลของ 6G จึงเพิ่มสูงกว่า 5G มากถึง 50 เท่า โดยมีอัตราดีเลย์ในการส่งข้อมูลผ่านระบบเพียง 10% ทั้งยังช่วยเพิ่มระยะการรับ-ส่งข้อมูลไร้สายจากเดิม 320 เมตร สู่ระยะ 500 เมตร เป็นครั้งแรก ซึ่งถือเป็นความก้าวหน้าครั้งใหญ่

 

          สาเหตุที่เป็นแบบนั้นเนื่องจากสถานีส่งสัญญาณกำลังสูงภายในเมือง เพื่อให้สัญญาณครอบคลุมทั่วถึงและมีความเสถียร โดยมากจะมีระยะห่างมาตรฐานอยู่ราว 500 เมตร ถือเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของระบบอินเทอร์เน็ต นี่จึงถือเป็นกุญแจสำคัญในการผลักดัน 6G ให้สามารถใช้งานจริง

 

          ความสำเร็จในครั้งนี้จึงถือเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยให้เราสามารถเข้าถึงและใช้งาน 6G เชิงพาณิชย์ในอนาคต

 

อีกระดับแห่งการสื่อสาร สู่ 6G ที่เร็วกว่า 5G ถึง 50 เท่า

 

ขีดความสามารถของ 6G ขอบเขตที่เกินจินตนาการ

 

          เมื่อพูดถึงเทคโนโลยี 6G หลายท่านคงรู้สึกว่านี่เป็นเรื่องไกลตัว ด้วยเครือข่าย 5G เองก็เพิ่งมีการใช้งานเป็นทางการครั้งแรกปี 2018 และมีการใช้งานแพร่หลายได้ไม่กี่ปี อาจมีความรู้สึกว่าผ่านการเรียนรู้และปรับตัวเข้ากับเทคโนโลยีนี้ได้ไม่นาน เรากลับพูดถึงการเปลี่ยนผ่านยุคสมัยของอินเทอร์เน็ตกันเสียแล้ว

 

          อันที่จริงส่วนนี้ถือเป็นเรื่องตามปกติ เทคโนโลยีเครือข่ายอินเทอร์เน็ตมักเกิดการพัฒนาเปลี่ยนผ่านในทุก 10 ปี นับแต่การเกิดขึ้นของเครือข่ายสื่อสารยุคแรกในปี 1984 จากการสื่อสารซึ่งสามารถทำได้เพียงโทรออกและรับสายผ่านสัญญาณเสียง สู่ระบบที่สามารถเชื่อมโยงโลกทั้งใบเข้าหากัน

 

          สำหรับในยุคสมัยของ 5G ขอบเขตของโลกเทคโนโลยีเริ่มเปลี่ยนไป ไม่จำกัดเพียงสื่อหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แต่เริ่มเข้ามามีส่วนร่วมในชีวิตประจำวันมากขึ้น จากการมาถึงของอุปกรณ์อัจฉริยะทั้งหลาย รวมถึงการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนเข้าสู่โลกผ่านแอปพลิเคชันหลายชนิด ทั้งในด้านขนส่ง, การเงิน, การดูแลสุขภาพ ฯลฯ

 

          การมาถึงของเทคโนโลยี 6G โดยพื้นฐานแล้วได้รับการต่อยอดมาจาก 5G ในหลายด้าน ทั้งในด้านโครงสร้างพื้นฐาน ระบบส่งข้อมูล ไปจนการประมวลผล โดยจะมีขีดความสามรถเพิ่มขึ้นในหลายด้าน ทั้งความเร็วในการส่งข้อมูล, ระยะเวลาหน่วงในการส่ง, การใช้พลังงาน ไปจนคุณสมบัติในการระบุพิกัดที่ได้รับการยกระดับชนิดก้าวกระโดด

 

          ปัจจุบันประเทศที่ให้ความสนใจเทคโนโลยีนี้เป็นพิเศษคือ จีน จากชัยชนะของ Huawei ภายหลังการเปิดตัวเครือข่าย 5G แน่นอนว่าพวกเขามุ่งหน้าพัฒนา 6G ของตัวเองซึ่งได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และได้เริ่มทดสอบการส่งสัญญาณ 6G เพื่อทดสอบประสิทธิภาพแล้ว

 

          ทางฝั่งสหรัฐฯเองก็เช่นกันภายหลังความพ่ายแพ้ในปี 2018 มาคราวนี้พวกเขาริเริ่มความร่วมมือกับบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ ตั้งแต่ Apple, AT&T, Qualcomm, Google และ Samsung เพื่อเป็นผู้นำเทคโนโลยี 6G พร้อมกันนั้นยังกีดกันทางการค้าจำกัดการส่งออกเทคโนโลยีต่างๆ เพื่อลดศักยภาพในการพัฒนาของจีนไปพร้อมกัน

 

          อีกหนึ่งประเทศที่มีความพยายามพัฒนาเครือข่าย 6G คือ ญี่ปุ่น ที่น่าจับตามองผลลัพธ์ของพวกเขาไม่แพ้กัน

 

          จากคุณสมบัติข้างต้นการมาถึงของ 6G อาจช่วยยกระดับเทคโนโลยีมากมาย ตั้งแต่การสตรีมวีดีโอความละเอียดสูงระดับ 8K, เพิ่มความเร็วและเสถียรของ IOT ด้วยช่องสัญญาณที่กว้างขึ้น, ส่งเสริมการใช้งานอุปกรณ์อัจฉริยะให้ส่งข้อมูลและสัญญาณได้แม่นยำ ไปจนการลดอัตราดีเลย์ข้อมูลเป็นประโยชน์ต่อทั้งด้านการจราจรไปจนการแพทย์ทางไกลต่างๆ

 

          ทั้งหมดที่ว่ามาเป็นเพียงการต่อยอดจากวิทยาการที่มีอยู่ซึ่งจะถูกยกระดับไปอีกขั้น ในส่วนของเทคโนโลยีใหม่นั้นยากจะคาดเดาได้ว่า 6G จะสามารถพาเราไปตรงจุดไหน และอาจเป็นรากฐานสำคัญในการผลักดันปัญญาประดิษฐ์ เทคโนโลยีอวกาศ หรือควอนตัมคอมพิวเตอร์ให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้นก็ในอนาคตก็เป็นได้

 

          6G จึงไม่ใช่เพียงเรื่องระบบเครือข่ายไกลตัว แต่อาจเป็นเทคโนโลยีที่เขย่าสังคมเราอีกรอบก็เป็นได้

 

 

 

          อย่างไรก็ตามเครือข่าย 6G อยู่ในระหว่างการพัฒนาจึงยังไม่เปิดให้ใช้งานจริง แม้สามารถส่งผ่านข้อมูลผ่านระบบโครงสร้างพื้นฐานปัจจุบันได้สำเร็จก็ต้องได้รับการปรับปรุงอีกมาก คาดว่าเทคโนโลยีนี้จะได้รับการผลักดันให้สามารถใช้งานได้จริงภายในปี 2029 ดังนั้นสำหรับท่านที่อยากทดลองใช้อาจต้องอดใจรออีกสักพัก

 

          ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าเราค่อยมาดูกันว่าเทคโนโลยี 6G จะพลิกโฉมลงไปในทิศทางใด

 

 

 

 

          ที่มา

 

          https://www.lgnewsroom.com/2023/09/lg-sets-new-record-successfully-

          transmitting-receiving-6g-thz-data-over-distance-of-500-meters/

 

          https://www.depa.or.th/th/article-view/6g-smart-city

 

          https://www.beartai.com/feature/342076

 

          https://www.technopediasite.com/2021/04/6g-network-countries.html