posttoday

เมื่อการใช้งานบุหรี่ไฟฟ้าส่งผลต่อสายตาและภูมิคุ้มกัน

11 ตุลาคม 2566

บุหรี่ไฟฟ้า ได้รับการพูดถึงในฐานะยาสูบชนิดใหม่ที่มีอันตรายน้อยกว่า อาจไม่ใช่เรื่องผิดเมื่อเทียบกับบุหรี่ทั่วไป แต่ช่วงหลังเริ่มข้อโต้แย้งมากขึ้น จนล่าสุดมีงานวิจัยบอกว่า การสูบบุหรี่ไฟฟ้าอาจส่งผลกระทบต่อการมองเห็นและระบบภูมิคุ้มกัน

บุหรี่ไฟฟ้า ถือเป็นผลิตภัณฑ์ยาสูบชนิดใหม่ที่ตั้งเป้าในการเข้ามาทดแทนบุหรี่ดั้งเดิม เปลี่ยนกลไกการทำงานจากการเผาไหม้ด้วยเปลวไฟ มาเป็นการจ่ายความร้อนให้แก่น้ำยานิโคตินในบรรจุภัณฑ์โดยตรง ได้รับการแต่งกลิ่นและรสชาติหลากหลายรูปแบบ บวกกับการใช้งานสะดวกและเข้าถึงได้ง่ายกว่า จึงได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในกลุ่มวัยรุ่น

 

        หนี่งในข้อถกเถียงเป็นวงกว้างจากคนในสังคมคือ พิษภัยของบุหรี่ไฟฟ้า บางภาคส่วนหยิบยกโทษของบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสาเหตุให้ไม่ได้รับการอนุมัติให้มีการวางจำหน่ายทั่วไปในประเทศไทย  แต่ก็มีข้อโต้แย้งจากกลุ่มสนับสนุนว่า บุหรี่ไฟฟ้าไม่ได้มีอันตรายตามที่กล่าวอ้าง

 

        แต่อาจไม่เป็นแบบนั้นเสมอไปเมื่อเริ่มมีการวิจัยและเก็บข้อมูลเกี่ยวกับพิษภัยของบุหรี่ไฟฟ้ากันมากขึ้น

 

เมื่อการใช้งานบุหรี่ไฟฟ้าส่งผลต่อสายตาและภูมิคุ้มกัน

 

ผลกระทบทางสุขภาพจากการใช้งานบุหรี่ไฟฟ้า

 

        สิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับคือ บุหรี่ไฟฟ้ามีโทษน้อยกว่าบุหรี่ทั่วไป ถือเป็นข้อเท็จจริงที่สามารถพิสูจน์ได้ทางวิทยาศาสตร์ ด้วยกระบวนการสร้างควันนิโคตินไม่ได้เกิดการเผาไหม้แต่เป็นการทำให้น้ำยาระเหยโดยตรง จึงไม่เกิด ทาร์ และ คาร์บอนมอนอกไซด์ ต้นตอสำคัญของมะเร็งปอด

 

        อย่างไรก็ตามคำกล่าวอ้างที่บอกบุหรี่ไฟฟ้าไม่มีอันตรายนับว่าไม่ถูกต้อง ด้วยพื้นฐานในการสูบบุหรี่ไฟฟ้าอาศัยน้ำยานิโคตินเป็นหลัก ถือเป็นสารเสพติดหลักที่ชักนำให้คนมาสูบบุหรี่ มีฤทธิ์กระตุ้นการหลั่งสาร เอพิเนฟลิน และ โดปามีน ช่วยให้หัวสมองปลอดโปร่ง อารมณ์ดี ลดความอ่อนล้า แต่สารนี้ก็มีข้อเสียเช่นกัน

 

        การใช้นิโคตินจะเข้าไปกระตุ้นเพิ่มอัตราการเต้นหัวใจ ส่งผลต่อระดับความดันโลหิตโดยตรง การเข้าไปกระตุ้นของสารนี้จะเข้าไปเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือด ซึ่งอาจนำไปสู่การเกิดโรคเบาหวาน นอกจากนี้ยังทำให้เซลล์ผนังหลอดเลือดหนาขึ้น ทำให้หลอดเลือดตีบซึ่งเป็นสาเหตุของโรคหลอดเลือดหัวใจและสมอง

 

        นอกจากนี้สารประกอบในบุหรี่ไฟฟ้าอย่าง โพรไพลีนไกลคอล ยังทำให้เกิดการระคายเคืองต่อเนื้อเยื่อได้ง่าย การสูดเข้าไปในปอดอาจทำให้เนื้อเยื่อปอดระคายเคือง เมื่อเกิดการสะสมเป็นเวลานานอาจนำไปสู่โรคหอบหืด โรคปอดเรื้อรัง และโรคถุงลมโป่งพองได้เช่นกัน แม้จะยังไม่มีการค้นพบมะเร็งปอดในผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าก็ตาม

 

        นอกจากนี้การสูบบุหรี่ไฟฟ้าเป็นเวลานานยังอาจทำให้เกิดผลกระทบรูปแบบอื่นที่ไม่เกิดในบุหรี่ธรรมดา เช่น ปอดอักเสบจากสารประกอบในบุหรี่ไฟฟ้า, โรคปอดป็อบคอร์นจากสารแต่งกลิ่นในน้ำยา, โรคปอดอิวารี่จากฝุ่นควันในการเผาไหม้ของน้ำยา ไปจนโรคปอดชนิดอื่นๆ

 

        แน่นอนที่กล่าวมาเป็นเพียงข้อมูลข้างต้น แต่ผลการวิจัยล่าสุดชี้ให้เห็นว่าบุหรี่ไฟฟ้าอาจอันตรายกว่าที่คิด

 

เมื่อการใช้งานบุหรี่ไฟฟ้าส่งผลต่อสายตาและภูมิคุ้มกัน

 

การสูบบุหรี่ไฟฟ้าอาจทำให้สายตาแย่ลง

 

        ในช่วงเริ่มต้นที่มีการพูดถึงบุหรี่ไฟฟ้า งานวิจัยและการเก็บรวบรวมข้อมูลของผลิตภัณฑ์ชนิดนี้เป็นเรื่องยากเนื่องจากมีฐานข้อมูลผู้ใช้งานน้อย จึงศึกษาผลกระทบทางสุขภาพได้ลำบาก แต่ช่วงหลายปีที่ผ่านมาจำนวนผู้ใช้งานบุหรี่ไฟฟ้ามีมากขึ้น ช่วยให้สามารถรวบรวมข้อมูลสุขภาพของผู้ใช้งานได้อย่างกว้างขวางผ่านงานวิจัยมากมาย

 

        หนึ่งในนั้นคือผลการวิจัยจาก McGill University ในแคนาดา กับการค้นพบว่าบุหรี่ไฟฟ้าไม่ได้มีผลกระทบแค่กับปอดและความดันโลหิตอย่างเดียว การใช้งานเป็นเวลานานยังอาจส่งผลกระทบต่อการมองเห็นหรือปัญหาทางสายตาในอนาคตได้เช่นกัน

 

        การวิจัยนี้เก็บรวบรวมข้อมูลจากเยาวชนอเมริกันกว่า 4,351 คน ในช่วงอายุ 13 – 24 ปี พบว่า ในกลุ่มผู้ใช้งานบุหรี่ไฟฟ้ามักเกิดอาการไม่สบายตาบ่อยครั้ง ตั้งแต่อาการปวด, แสบร้อน, คัน, ตาแดง, ตาแห้ง, ตาพร่า, ตาล้า, มองไม่ชัด ไปจนปวดศีรษะ โดยสามารถเกิดขึ้นง่ายกว่ากลุ่มที่ไม่เคยใช้ยาสูบมาก่อน

 

        จากข้อมูลที่ทำการรวบรวมพบว่า ผู้ที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าและบุหรี่ธรรมดาสามารถเกิดอาการทางสายตาเหล่านี้ได้ง่ายกว่าคนทั่วไป และผู้ใช้งานบุหรี่ไฟฟ้าเป็นจำนวนราว 4.3% เคยเกิดอาการต่อสายตารุนแรงเป็นพิเศษ จนอาจส่งผลกระทบต่อการมองเห็นในระยะสั้น ซึ่งผลกระทบนี้จะรุนแรงเป็นพิเศษกับกลุ่มที่ใช้ทั้งบุหรี่ไฟฟ้าและบุหรี่ธรรมดาในช่วง 7 วันที่ผ่านมา

 

        ด้วยการศึกษาเป็นเพียงการเก็บข้อมูลเบื้องต้นจึงยังไม่ได้ลงลึกในรายละเอียด แต่ทางทีมวิจัยคาดว่า อาการนี้เกิดขึ้นจาก ควันจากบุหรี่ไฟฟ้า เมื่อเกิดการระเหยจะส่งผลให้เกิดการระคายเคืองต่อเนื้อเยื่อดวงตา และอาจส่งผลต่อการหดตัวของหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงดวงตาจึงนำไปสู่อาการดังกล่าว และอาจร้ายแรงกว่านี้เมื่อมีการสะสมในระยะยาว

 

        แน่นอนงานวิจัยนี้ยังมีข้อจำกัดและตัวแปรที่ต้องได้รับการควบคุมเพิ่มเติมอีกหลายด้าน แต่ที่ตัวเลขออกมาจำนวนน้อยเพราะผู้ใช้งานยังเป็นกลุ่มวัยรุ่น เมื่ออายุมากขึ้นจนสายตาเสื่อมถอยตามกาลเวลา ประกอบกับการสูบบุหรี่ไฟฟ้ามาเป็นเวลานาน อาจยิ่งซ้ำเติมอาการให้ร้ายแรงกว่านี้ได้เช่นกัน

 

เมื่อการใช้งานบุหรี่ไฟฟ้าส่งผลต่อสายตาและภูมิคุ้มกัน

 

        เมื่อบุหรี่ไฟฟ้าส่งผลต่อการทำงานเม็ดเลือดขาว

 

        อีกหนึ่งผลการวิจัยพิษภัยบุหรี่ไฟฟ้ามาจาก University of Birmingham เมื่อควันและไอจากบุหรี่ไฟฟ้าทั้งในแบบที่มีและปลอดสารนิโคติน สามารถส่งผลต่อการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย จนอาจนำไปสู่ความเสี่ยงต่อการติดเชื้อชนิดต่างๆ ได้ง่ายยิ่งขึ้น

 

        ส่วนที่ได้รับผลกระทบจากควันบุหรี่ไฟฟ้าโดยตรงคือ นิวโทรฟิล เม็ดเลือดขาวชนิดหนึ่งของคนเรา ถือเป็นรูปแบบเม็ดเลือดขาวที่มีปริมาณมากถึง 70% ในร่างกาย ทำหน้าที่กระตุ้นร่างกายให้เกิดการต่อต้านเมื่อเกิดการรุกล้ำของเซลล์แปลกปลอมด้วยการอักเสบ ซึ่งถือเป็นกลไกการทำงานตามปกติของเม็ดเลือดขาว

 

        แต่จากผลการทดสอบแม้จะเป็นเซลล์เม็ดเลือดขาวจากผู้ที่ไม่เคยสูบบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าพบว่า เมื่อสัมผัสกับสารระเหยชนิดเดียวกับน้ำยานิโคตินภายในบุหรี่ไฟฟ้า นิวโทรฟิลจากเม็ดเลือดขาวจะยังมีชีวิต ก็ไม่สามาถเคลื่อนไหวหรือตอบสนองการทำงานเพื่อปกป้องร่างกายได้อย่างเคย

 

        เรื่องน่าสนใจคือการสัมผัสสารระเหยจากน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้านี้ สามารถทำให้เม็ดเลือดขาวลดประสิทธิภาพการทำงานได้ทั้งสิ้น แม้จะได้รับการสัมผัสในปริมาณน้อยมาก หรือกระทั่งเปลี่ยนน้ำยาเป็นแบบปราศจากนิโคติน ผลกระทบก็ยังเกิดขึ้นต่อเซลล์เม็ดเลือดขาวจนไม่สามารถทำงานได้เช่นเดิม

 

        นั่นทำให้การใช้งานบุหรี่ไฟฟ้าไม่ว่าจะแบบมีหรือปราศจากนิโคตินก็ตาม อาจส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานลดลง จนส่งผลให้ปอดเกิดการติดเชื้อเป็นต้นเหตุไปสู่โรคปอดชนิดต่างๆ เพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคในระบบทางเดินหายใจยิ่งขึ้น โดยเฉพาะกับผู้สูบบุหรี่ไฟฟ้าแบบมีนิโคตินซึ่งในระยะยาวอาจเกิดผลกระทบทางสุขภาพมากยิ่งกว่าเดิม

 

 

        ทั้งหมดถือเป็นข้อยืนยันว่า บุหรี่ไฟฟ้านอกจากไม่ได้ปลอดภัยยังอาจมีอันตรายกว่าที่คิด แม้พิษภัยต่อปอดอาจไม่เทียบเท่าบุหรี่ทั่วไป แต่ควรใช้งานอย่างระมัดระวังเพราะสามารถสร้างผลกระทบทางสุขภาพได้ไม่แพ้กัน หรือถ้าจะให้ดีการลด ละ เลิกจากการสูบบุหรี่น่าจะถือเป็นการดีต่อสุขภาพที่สุด

 

 

 

        ที่มา

 

        https://www.posttoday.com/people-behavior/1084

 

        https://www.posttoday.com/columnist/683116

 

        https://interestingengineering.com/health/how-vaping-affects-immune-cell-activity

 

        https://newatlas.com/health-wellbeing/smoking-vaping-linked-to-eye-problems-in-young-people/