ข้อตกลงเพดานหนี้ของสหรัฐฯ อาจตัดโครงการด้านกลาโหมมูลค่า 16,000 ล้านเหรียญ

ข้อตกลงเพื่อหลีกเลี่ยงการผิดนัดของสมาชิกสภานิติบัญญัติ กระทรวงกลาโหม และหน่วยงานอื่น ๆ ที่สงสัยว่าจะจ่ายเงินสำหรับโครงการที่ในปีที่ผ่านมาเป็นส่วนเพิ่มเติมในนาทีสุดท้ายของนโยบายกลาโหมที่ต้องผ่านและร่างกฎหมายการจัดสรร ซึ่งโดยทั่วไปจะได้รับการอนุมัติโดยมีการอภิปรายเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ข้อตกลงหนี้จะจำกัดการใช้จ่ายด้านความมั่นคงของชาติในปีงบประมาณ 2567 ที่ 886 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ร้องขอ

ในบรรดารายการ ที่จะถูกตัดงบประมาณของงานด้านการทหาร ได้แก่ รถถัง Abrams ที่ผลิตโดย General Dynamics เครื่องบินที่ผลิตโดย Lockheed Martin และเรือสำหรับนาวิกโยธินที่ผลิตโดย Huntington Ingalls Industries .

ผู้ช่วยรัฐสภากล่าวว่าก่อนที่จะมีข้อตกลงหนี้ คณะกรรมการที่เกี่ยวข้องกำลังจับตาดูงบประมาณด้านความมั่นคงแห่งชาติมากกว่า 900 ล้านดอลลาร์สำหรับปีงบประมาณ 2567

โดยปกติแล้ว จะมีบางโครงการที้ไม่ได้เปโนความจำเป็นเร่งด่วนที่ไม่ได้รับการสนับสนุนบางส่วนจากมูลค่า 16 พันล้านดอลลาร์จะถูกระงับไว้ ซึ่งสามารถเพิ่มเงินอีก 30 ถึง 40 พันล้านดอลลาร์ให้กับโครงการอื่นๆ

ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ สภาคองเกรสได้เพิ่มการใช้จ่ายด้านกลาโหมมากกว่าที่ประธานาธิบดีร้องขอ ซึ่งโดยทั่วไปคือหลายหมื่นล้านดอลลาร์

ในปี 2022 และ 2023 สภาคองเกรสเพิ่มการใช้จ่ายมากกว่า 2 หมื่นล้านดอลลาร์ในแต่ละปี ก่อนหน้านั้น เพนตากอนใช้กองทุน "Overseas Contingency Operations" (OCO) เป็นเวลาหนึ่งทศวรรษเพื่อเพิ่มจำนวนเงินที่มีอยู่เพื่อหลีกเลี่ยงงบประมาณสูงสุดที่รัฐสภาผ่าน

ปีนี้จากข้อตกลงเพดานหนี้อาจทำแบบเดิมได้ยากขึ้น

ก่อนหน้านี้ เป็นที่คาดหมายอย่างกว้างขวางว่า ไบเดนจะขอเงินทุนเพิ่มเติมในเดือนสิงหาคมหรือกันยายนเพื่อสนับสนุนยูเครนต่อต้านการรุกรานของรัสเซีย หลังจากที่สมาชิกสภานิติบัญญัติอนุมัติเงินจำนวน 48 พันล้านดอลลาร์สำหรับยูเครนในเดือนธันวาคม

คำขอการใช้จ่ายเพิ่มเติมของยูเครนนั้นคาดว่าจะรวมถึงการใช้จ่ายทางทหารในวงกว้าง

หลังจากการร้องเรียนโดยแกนนำสายเหยี่ยว ผู้นำพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันในวุฒิสภาได้ให้คำมั่นสัญญาอย่างเป็นทางการในวันพฤหัสบดีก่อนที่ร่างกฎหมายเพดานหนี้จะผ่านว่าวงเงินการใช้จ่ายในมาตรการจะไม่ขัดขวางวุฒิสภาจากการผ่านกฎหมายการใช้จ่ายเพิ่มเติมเพื่อจัดหาเงินเพิ่มเติมให้กับกระทรวงกลาโหม