ไม่หวั่นเหตุรุนแรง ชาวอิสราเอลออกมาประท้วงหลายหมื่นคน

การประท้วงครั้งล่าสุดที่ต่อต้านแผนดังกล่าวซึ่งถูกหยุดชั่วคราวเมื่อเดือนที่แล้ว ท่ามกลางการนัดหยุดงานและการเดินขบวนจำนวนมาก เกิดขึ้นในขณะที่อิสราเอลเผชิญกับความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในหลายแนวรบในช่วงเดือนรอมฎอนอันศักดิ์สิทธิ์ของชาวมุสลิม

รอบๆมัสยิดอัล-อักซอในกรุงเยรูซาเล็ม คาดว่ามีผู้มาละหมาดหลายหมื่นคนเพื่อละหมาดช่วงค่ำ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการจู่โจมของตำรวจในเวลากลางคืนที่อาจเกิดขึ้นซ้ำในสัปดาห์นี้ ตามมาด้วยการยิงจรวดใส่อิสราเอล และการโจมตีของอิสราเอลในฉนวนกาซาและเลบานอนตอนใต้

ชาวอิสราเอลยังระส่ำระสายหลังจากเหตุรถชนกันในเทลอาวีฟเมื่อวันศุกร์ ซึ่งทำให้ชายชาวอิตาลีเสียชีวิต 1 คนและนักท่องเที่ยวอีก 5 คนบาดเจ็บ ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากการโจมตีด้วยปืนทำให้หญิงสาวชาวอิสราเอลเสียชีวิต 2 คนและแม่ของพวกเธอได้รับบาดเจ็บใกล้กับนิคมในเขตเวสต์แบงก์

เนทันยาฮูได้ระดมกำลังทหารกองหนุนของตำรวจชายแดน และสั่งให้กองทัพเสริมตำแหน่งความมั่นคงเพื่อจัดการกับปัญหาที่อาจเกิดขึ้น ท่ามกลางเสียงเรียกร้องจากสหประชาชาติ สหภาพยุโรป และสหรัฐอเมริกา

ในใจกลางกรุงเทลอาวีฟ ฝูงชนโบกธงสีน้ำเงินและสีขาวของอิสราเอล ซึ่งกลายเป็นจุดเด่นของการประท้วงในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมารวมตัวกันเพื่อแสดงการต่อต้านแผนการที่พวกเขามองว่าเป็นภัยคุกคามต่อประชาธิปไตยของอิสราเอล

การเดินขบวนเริ่มด้วยการสวดภาวนาให้เหยื่อของการโจมตี 1 วันก่อนหน้านี้ แต่ผู้ประท้วงกล่าวว่าพวกเขาไม่กังวลเรื่องความปลอดภัย

“ความปลอดภัยเป็นเรื่องหนึ่ง แต่การปฏิรูปก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง” Amitay Ginsberg นักศึกษาวัย 26 ปีกล่าว “เราจะยังคงมาที่นี่และพูดให้ชัดว่าเราจะไม่ปล่อยให้การปฏิรูปนี้ผ่านไป”

ข้อเสนอดังกล่าวซึ่งจะทำให้รัฐบาลมีอำนาจควบคุมการแต่งตั้งผู้พิพากษาศาลฎีกาได้อย่างเบ็ดเสร็จ และอนุญาตให้รัฐสภายกเลิกคำตัดสินของศาลหลายคดี ได้ก่อให้เกิดวิกฤตภายในประเทศครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ของของอิสราเอล

ผู้ประท้วงหลายแสนคน รวมถึงทหารกองหนุน ผู้นำธุรกิจ สมาชิกในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีของอิสราเอล และนักวิชาการชั้นนำ เข้าร่วมโดยเผชิญหน้ากับผู้สนับสนุนกลุ่มแนวร่วมทางศาสนา-ชาตินิยมของเนทันยาฮู

ฝ่ายรัฐบาลซึ่งกล่าวหาว่าตุลาการนักกิจกรรมแย่งชิงบทบาทของรัฐสภามากขึ้นเรื่อยๆ กล่าวว่า จำเป็นต้องยกเครื่องใหม่เพื่อคืนความสมดุลที่เหมาะสมระหว่างตุลาการและนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง