4 พันธมิตรเซมิคอนดักเตอร์ จับเข่าหารือวิกฤตชิป

โดยมีเนื้อหามุ่งเน้นที่ ความสามารถในการตอบสนองและฟื้นตัวต่อเหตุการณ์ไม่คาดคิดในห่วงโซ่อุปทานให้ไวที่สุด (supply chain resilience)

เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว สหรัฐอเมริกาได้เรียกประชุมคณะทำงานในกลุ่ม "Fab 4" หรือ "Chip 4"  เป็นครั้งแรก เพื่อหารือถึงวิธีเสริมความแข็งแกร่งให้กับห่วงโซ่อุปทานของเซมิคอนดักเตอร์ หลังจากวิกฤตชิปทั่วโลกขาดแคลนจากการระบาดของโควิด-19

ภาวะขาดแคลนชิปเซมิคอนดักเตอร์ซึ่งกระทบต่อผู้ผลิตรถยนต์บางเจ้า ทำให้ต้องหยุดการผลิตชั่วคราว ส่งผลให้แหล่งผลิตชิปในไต้หวันเริ่มกลายเป็นจุดสนใจ และทำให้การจัดการห่วงโซ่อุปทานมีความสำคัญมากขึ้นสำหรับรัฐบาลทั่วโลก

กระทรวงต่างประเทศของไต้หวัน ระบุว่า "จุดเน้นในการหารือของ Chip 4 ที่เข้าร่วมในการประชุม หลักๆจะมุ่งโฟกัสไปที่ supply chain resilience หรือ ความสามารถในการตอบสนองและฟื้นตัวต่อเหตุการณ์ไม่คาดคิดในห่วงโซ่อุปทานเซมิคอนดักเตอร์ ให้ไวที่สุด รวมถึงสำรวจทิศทางความร่วมมือที่เป็นไปได้ในอนาคตของทุกฝ่าย"

"ในฐานะสมาชิกคนสำคัญของภูมิภาคอินโดแปซิฟิก ประเทศของเรายังมีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลก รวมถึงยังมีความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าที่ลึกซึ้งกับประเทศต่างๆ ในภูมิภาค"

ขณะที่ประธานาธิบดีไช่ อิงเหวิน กล่าวว่า ไต้หวันมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมความร่วมมือระหว่างพันธมิตรในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และเทคโนโลยีชนิดอื่น ๆ ที่เชื่อถือได้ ซึ่งเธอเรียกสิ่งนี้ว่า "ชิปแห่งประชาธิปไตย (democracy chips)  และเรียกร้องให้พันธมิตรช่วยเสริมความร่วมมือท่ามกลางภัยคุกคามที่ไต้หวันกำลังเผชิญ