ตลาดหุ้นสหรัฐร่วงต่อ นักลงทุนห่วงภาวะเศรษฐกิจถดถอย

ดัชนีหุ้นหลักทั้งสามของสหรัฐลดลงเป็นวันที่สี่ติดต่อกันนับตั้งแต่วันพุธ หลังจาก เจโรม พาวเวลล์ ประธานเฟดมีท่าทีแข็งกร้าวกว่าที่คาดเมื่อธนาคารกลางปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดย พาวเวลล์ แสดงท่าทีชัดเจน ว่าจะเพิ่มอัตราดอกเบี้ยขึ้นต่อไป แม้ว่าตัวเลขทางเศรษฐกิจหลายตัวจะแสดงสัญญาณของเศรษฐกิจที่อ่อนแอมากขึ้น

ดัชนี เอสแอนด์พี 500  ดาว โจนส์ อินดัสเตรียล และ Nasdaq ลดลงอย่างมากในเดือนธันวาคม ซึ่งเป็นการลดลงครั้งใหญ่ที่สุดในรอบปีนับตั้งแต่วิกฤตการเงินปี 2008 นักวิเคราะห์มองว่า เนื่องจากไม่มีรายงานรายได้หรือข้อมูลทางเศรษฐกิจในทิศทางบวกที่ชัดเจนในวันจันทร์ นักลงทุนจึงยังกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจและอัตราดอกเบี้ย

โดยข้อมูลที่เปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ การเริ่มดำเนินธุรกิจขายที่อยู่อาศัย การขายที่อยู่อาศัย การใช้จ่ายของผู้บริโภคและอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มที่จะให้ความสำคัญมากขึ้นกับผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อเศรษฐกิจของธนาคารกลาง 

ค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (.DJI) ลดลง 287.67 จุด หรือ 0.87% เหลือ 32,632.79 จุด, S&P 500 (.SPX) ลดลง 46.73 จุด หรือ 1.21% เป็น 3,805.63 จุด และ Nasdaq Composite (.ICIC) ลดลง 176.93 จุดหรือ 1.65% เหลือ 10,528.48 จุด

ส่วนราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นจากความหวังในการเพิ่มความแข็งแกร่งของอุปสงค์หลังจากที่จีนผ่อนคลายนโยบาย COVID  ยังคงควบคุมกำไรได้ ราคาน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.21% มาอยู่ที่ 75.19 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่เบรนท์อยู่ที่ 79.80 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 0.96%  

ขณะที่ทองคำปรับตัวลดลงจากการเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยในตลาดพันธบัตร ซึ่งจะช่วยชดเชยความอ่อนตัวของค่าเงินดอลลาร์ฯได้ ทองคำแท่งตกลง 0.3% เหลือ 1,786.95 เหรียญต่อออนซ์