กองกำลังประชาชนผุดมากขึ้น ความสูญเสียในเมียนมาจะหนักขึ้น
ความรุนแรงในเมียนมาลุกลามขณะที่กลุ่ม 'ป้องกันตนเอง' มีจำนวนเพิ่มขึ้น ทหารก็ตอบโต้หนักมือมากขึ้นเป็นเงาตามตัว
สำนักข่าว AFP รายงานว่าความรุนแรงในเมียนมาหลังรัฐประหารทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อกองกำลัง "ป้องกันตนเอง" ที่ต่อต้านรัฐบาลทหารเดินหน้าโจมตีฝ่ายทหารเผด็จการมากขึ้น รายงานของ International Crisis Group เตือนว่าการเผชิญหน้าจะทำให้เกิดความสูญเสียต่อชีวิตมนุษย์ที่ "มหาศาล" หากเผด็จการทหารใช้อำนาจอย่างเต็มที่ในการปราบปรามครั้งต่อไป
เมียนมาอยู่ในความโกลาหลนับตั้งแต่รัฐประหารเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ โดยมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 880 คนจากการปราบปรามผู้เห็นต่างโดยรัฐบาลเผด็จการ จากข้อมูลของกลุ่มสังเกตการณ์ในเมียนมา
ในบางพื้นที่ ชาวบ้านซึ่งมักใช้ปืนไรเฟิลล่าสัตว์หรืออาวุธที่ผลิตในโรงงานป่าชั่วคราว ได้จัดตั้ง "กองกำลังป้องกัน" เพื่อตอบโต้กองกำลังทหาร
กองทัพตอบโต้โดยใช้เฮลิคอปเตอร์และปืนใหญ่เพื่อสวนกลับฝ่ายต่อต้าน รวมทั้งกลุ่มในรัฐชินทางตะวันตกเฉียงเหนือและตามแนวชายแดนตะวันออกที่ติดกับประเทศไทย
“เมื่อเผชิญกับการจลาจลด้วยอาวุธ ก็คาดเดาได้ว่ากองทัพกองทัพเมียนมาจะปลดปล่อยแสนยานุภาพทางทหารของตนเพื่อเล่นงานพลเรือน” องค์กร International Crisis Group กล่าวเมื่อวันจันทร์
ทั้งนี้ The International Crisis Group (ICG หรือที่รู้จักในชื่อ Crisis Group) เป็นองค์กรนอกภาครัฐข้ามชาติที่ไม่แสวงหากำไร ก่อตั้งขึ้นในปี 1995 เป็นที่ปรึกษาที่ให้บริการแก่ผู้กำหนดนโยบายและนักวิชาการ โดยดำเนินการวิจัยและวิเคราะห์วิกฤตการณ์ทั่วโลก
“(การปะทะกัน) จะเกิดความสูญเสียต่อมนุษย์อย่างมหาศาล โดยเฉพาะสำหรับผู้หญิง เด็ก และผู้สูงอายุ ซึ่งต้องเผชิญกับความยากลำบากที่สุดจากความรุนแรงและการพลัดถิ่น”
ICG กล่าวว่าการปะทะกันเกิดขึ้นในพื้นที่ที่ไม่เคยเห็นความขัดแย้งมานานหลายทศวรรษ เป็นสถานการณ์ที่บีบบังคับให้หน่วยงานด้านมนุษยธรรมต้องรีบเร่งจัดตั้งปฏิบัติการช่วยเหลือครั้งใหม่
สหประชาชาติระบุเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่ามีผู้พลัดถิ่นจากการต่อสู้และความไม่มั่นคงของสถานการณ์ประมาณ 230,000 คน
กลุ่มป้องกันตนเองเพิ่มความหลากหลายให้กับประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ยากจน ซึ่งมีกลุ่มกบฏชาติพันธุ์มากกว่า 20 กลุ่มอยู่ในขั้นตอนต่างๆ ของความขัดแย้งกับรัฐก่อนการทำรัฐประหาร
ในขณะที่เศรษฐกิจพังทลาย กลุ่มติดอาวุธใหม่อาจ "แสวงหาแหล่งรายได้นอกเหนือจากการบริจาคของชุมชนเฉพาะกิจที่ช่วยค้ำชูพวกเขาไว้ได้จนถึงตอนนี้" ICG เตือน
คำเตือนนี้หมายความว่าในระยะยาวเงินช่วยเหลือจากการบริจาคของประชาชนหรือองค์กรสิทธิมนุษยชนอาจไม่พอ และกลุ่มที่เรียกว่า 'กองกำลังประชาชน' อาจต้องพึ่งพาแหล่งรายได้อื่น ซึ่งอาจจะไม่พ้นการค้ายาเสพติด การลักลอบนำเข้าสินค้าผิดกฎหมาย หรือทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่ที่ควบคุมเอาไว้ได้
นอกจากนี้ยังไม่น่าเป็นไปได้ที่ "รัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ" ซึ่งก่อตั้งโดยสมาชิกสภานิติบัญญัติส่วนใหญ่จากรัฐบาลที่ถูกขับไล่ของอองซานซูจี จะสามารถควบคุมกองกำลังติดอาวุธเหล่านี้ได้
การปะทะกันระหว่างกองกำลังติดอาวุธพลเรือนและกองทัพ ส่วนใหญ่ถูกจำกัดให้อยู่ในพื้นที่ชนบท
แต่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 6 คนในการต่อสู้ด้วยปืนระหว่างกองกำลังความมั่นคงของเผด็จการและกลุ่มป้องกันตนเองในเมืองมัณฑะเลย์เมืองใหญ่ที่สุดอันดับสองของประเทศ
ผู้ประท้วงถือธงสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (NLD) ขณะชูสามนิ้วระหว่างการประท้วงแฟลชม็อบต่อต้านการรัฐประหารของทหารในย่างกุ้ง เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2564 (ภาพโดย STR / AFP)


