ประเทศไหนที่ก่อหนี้สาธารณะมากที่สุดในโลก?
ในช่วงเวลาที่หลายประเทศต้องกู้ ส่องประเทศที่มีหนี้มากที่สุดในโลก และไทยอยู่อันดับที่เท่าไร?
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาสถาบันการเงินระหว่างประเทศ (IIF) เผยว่าหนี้สินทั่วโลกในไตรมาสแรกของปี 2021 ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ไตรมาส โดยลดลง 1.7 ล้านล้านเหรียญสหรัฐเหลือ 289 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ
อย่างไรก็ตามหนี้สินทั่วโลกยังคงเพิ่มขึ้นราว 12% นับตั้งแต่ปี 2019 เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดย IIF เผยว่าในปี 2020 หนี้สินทั่วโลกเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
โดย World Population Review ได้จัดอันดับประเทศที่มีหนี้สิน (National Debt) มากที่สุดในโลก ดังนี้
อันดับที่ 1: ประเทศญี่ปุ่น (ประชากรประมาณ 126 ล้านคน) มีหนี้สินของประเทศสูงที่สุดในโลกด้วยอัตรา 234.18% ของ GDP
แม้ว่าจะเป็นประเทศที่เศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลกรองจากสหรัฐและจีนแต่ด้วยวิกฤตทางการเงินและภัยพิบัติในประเทศหลายประการรวมถึงแผ่นดินไหวและสึนามิครั้งใหญ่ในปี 2011 ซึ่งสร้างความเสียหายมูลค่าราว 325,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่งผลให้ขณะนี้ญี่ปุ่นมีหนี้อยู่ที่ 9.087 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ อย่างไรก็ตามเศรษฐกิจของญี่ปุ่นสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วจากภาวะถดถอยที่เกิดจากการแพร่ระบาดของโควิด-19
อันดับที่ 2: ประเทศเวเนซุเอลา (ประชากรประมาณ 28.7 ล้านคน) ด้วยอัตราหนี้สินของประเทศ 214.45% ของ GDP
หนี้ของเวเนซุเอลาพุ่งขึ้นในช่วงปี 2018 เนื่องจากในขณะนั้นเวเนซุเอลาประสบปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจอย่างหนักจนหนี้ต่างประเทศพุ่งแตะ 150,000 เหรียญสหรัฐ รวมถึงประสบภาวะเงินเฟ้อรุนแรง ขณะที่ประชาชนหลายแสนคนต้องอพยพหนีไปยังประเทศเพื่อนบ้าน
อันดับที่ 3: ประเทศซูดาน (ประชากรประมาณ 42.8 ล้านคน) ด้วยอัตราหนี้สินของประเทศ 177.87% ของ GDP
ประเทศที่ยากจนรั้งท้ายของโลกด้วย GDP ต่อหัวประชากรเดือนละประมาณ 1,800 บาท ประกอบกับการเผชิญปัญหาปากท้องของประชาชนและวิกฤตเศรษฐกิจของซูดาน
อันดับที่ 4: ประเทศกรีซ (ประชากรประมาณ 10.3 ล้านคน) ด้วยอัตราหนี้สินของประเทศ 174.15% ของ GDP
กรีซเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจตั้งแต่ปี 2009 ด้วยการขาดดุลการคลังสูงกว่าระดับที่สหภาพยุโรปกำหนดไว้หลายเท่าตัว แต่ในระยะหลังมานี้สามารถปรับโครงสร้างทางการเงินของประเทศได้จนสามารถหยุดรับความช่วยเหลือจาก IMF ได้ในปี 2018
อันดับที่ 5: ประเทศเลบานอน (ประชากรประมาณ 6.77 ล้านคน) ด้วยอัตราหนี้สินของประเทศ 157.81% ของ GDP
เลบานอนสะสมหนี้จำนวนมากจากสงครามกลางเมืองในปี 1975-1990 หลังจากนั้นประเทศก็อยู่ในวงจรหนี้โดยครึ่งหนึ่งของรายได้ของรัฐบาลใช้ไปกับการจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้ ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อเผชิญกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 และการระเบิดในเบรุตเมื่อเดือนสิงหาคมที่คร่าชีวิตผู้คนไปมากกว่า 200 คนและสร้างความเสียหายให้เมืองกว่า 15,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
อันดับที่ 6: ประเทศอิตาลี (ประชากรประมาณ 60.3 ล้านคน) ด้วยอัตราหนี้สินของประเทศ 133.43% ของ GDP
ประเทศที่เป็นศูนย์กลางของการแพร่ระบาดของโควิด-19 ครั้งแรกในยุโรปส่งผลให้เศรษฐกิจตกอยู่ในภาวะเลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2
อันดับที่ 7: ประเทศเอริเทรีย (ประชากรประมาณ 3.6 ล้านคน) ด้วยอัตราหนี้สินของประเทศ 127.34% ของ GDP
เป็นประเทศที่ยากจนที่สุดประเทศหนึ่งในทวีปแอฟริกา อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจต่ำและประชาชนส่วนใหญ่มีรายได้ไมเพียงพอต่อการยังชีพ โดยรายได้สำคัญจากเมืองท่าตลอดจนอุตสาหกรรมการคมนาคมขนส่งและอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้รับผลกระทบทางจากสงครามกับเอธิโอเปีย เนื่องจากรัฐบาลเอธิโอเปียปิดการค้าและการติดต่อตามแนวพรมแดนทั้งหมดทำให้เอริเทรียขาดรายได้อย่างมาก
อันดับที่ 8: สาธารณรัฐกาบูเวร์ดี (ประชากรประมาณ 5.6 แสนคน) ด้วยอัตราหนี้สินของประเทศ 125.29% ของ GDP
GDP ต่อหัวอยู่ที่ประมาณ 3.9% ถูกจัดว่าเป็นประเทศที่มีเสถียรภาพมากที่สุดในแอฟริกาในปี 2013-2014 แต่ยังมีความเสี่ยงเล็กน้อยด้านอัตราการว่างงานและค่าครองชีพอันเป็นผลมาจากวิกฤตเศรษฐกิจในยุโรป
อันดับที่ 9: ประเทศโมซัมบิก (ประชากรประมาณ 32.16 ล้านคน) ด้วยอัตราหนี้สินของประเทศ 124.46% ของ GDP
เศรษฐกิจของโมซัมบิกตกอยู่ในภาวะถดถอยมากที่สุดในปี 2016 ด้วยอัตราการเติบโตของ GDF อยู่ที่ร้อยละ 3.3 ขณะที่ธนาคารโลกประเมินว่าอัตราการเติบโตของ GDP จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี
อันดับที่ 10: ประเทศโปรตุเกส (ประชากรประมาณ 10.17 ล้านคน) ด้วยอัตราหนี้สินของประเทศ 119.46% ของ GDP
โปรตุเกสเผชิญกับวิกฤตการเงินที่ยาวนานตั้งแต่ปี 2011 และเศรษฐกิจกลับมาแข็งแกร่งในปี 2019 สามารถประกาศงบประมาณเกินดุลครั้งแรกในรอบ 45 ปี อย่างไรก็ตามโปรตุเกสยังคงมีหนี้สาธารณะสูงเนื่องจากเป็นประเทศที่พึ่งพาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวซึ่งได้รับผลกระทบอย่างหนักจากโควิด-19
สำหรับประเทศไทย World Population Review ได้จัดไว้เป็นอันดับที่ 120 ด้วยอัตราหนี้สินของประเทศอยู่ที่ 41.47% ของ GDP
AFP PHOTO / Karen BLEIER


