เอามั้ย? ไม่ต้องทำงาน แต่ยังได้เงินใช้ฟรีๆ

มหาเศรษฐีผู้สมัครชิงตำแหน่งผู้นำสหรัฐปี 2020 ประกาศแจกเงินคนอเมริกันเดือนละพันเหรียญแก้ปัญหาตกงาน

เมื่อเร็วๆ นี้ Oxford Economics บริษัทชื่อดังด้านการวิเคราะห์และคาดการณ์สถานการณ์โลก เผยผลการวิจัยว่า ภายในปี 2030 แรงงานในภาคอุตสาหกรรมทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งแรงงานฝีมือต่ำมีความเสี่ยงตกงานถึง 20 ล้านคน เนื่องจากถูกหุ่นยนต์เข้ามาแทนที่ โดยนับตั้งแต่ปี 2000 เป็นต้นมา แรงงานกลุ่มนี้เสียตำแหน่งงานให้หุ่นยนต์ไปแล้วราว 1.7 ล้านตำแหน่ง

ด้วยเหตุนี้ แอนดรูว์ หยาง มหาเศรษฐีที่ประกาศตัวเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐในปี 2020 จึงประกาศนโยบาย Universal Basic Income หรือการจัดสรรรายได้ขั้นพื้นฐานให้กับประชาชนชาวอเมริกันคนละ 1,000 เหรียญสหรัฐ หรือราว 30,775 บาทต่อเดือน เพื่อเป็นสวัสดิการและแก้ปัญหาการว่างงานเพราะถูกหุ่นยนต์เข้ามาแทนที่ จากนโยบายนี้ทำให้หยางได้ใจชาวอเมริกันไปเต็มๆ โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ และทำให้เขากลายเป็นผู้ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีที่น่าจับตาอีกคนหนึ่ง

ในเว็บไซต์ส่วนตัวของหยางชี้แจงถึงที่มาที่ไปของนโยบายแจกเงินประชาชนไว้น่าสนใจดังนี้

Q: ใครจะได้รับสวัสดิการนี้บ้าง

A: พลเมืองอเมริกันที่อายุ 18 ปีขึ้นไปทุกคนไม่ว่าจะมีงานทำหรือไม่ก็ตาม โดยจะเริ่มตั้งแต่เดือน ม.ค. 2021

Q: ทำไมผู้ชายคนนี้จึงอยากใช้ UBI  ในสหรัฐ

A: เพราะตอนนี้มนุษยชาติกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีครั้งใหญ่ แรงงานอเมริกัน 1 ใน 3 จะถูกหุ่นยนต์เข้ามาแทนที่ภายใน 12 ปี แต่ขณะนี้รัฐบาลยังไม่มีนโยบายรับมือกับปัญหาดังกล่าว และหากวันนั้นมาถึงจริงๆ แล้วชาวอเมริกันไม่มีเงินใช้จ่ายอนาคตของประเทศก็น่าห่วง นโยบายนี้จะช่วยการันตีว่าชาวอเมริกันซึ่งเคยเป็นแรงงานสำคัญที่ช่วยให้นายทุนสร้างความมั่งคั่งจะได้ประโยชน์จากเครื่องจักรอัตโนมัติที่เข้ามาแทนที่มนุษย์ด้วย

 

Q: เอาเงินจากไหนมาแจก

A: หยางมีแผนจะเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม 10% (สหรัฐเป็นเพียงหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่ไม่มีการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม) เพราะถือเป็นระบบภาษีที่เป็นธรรมที่สุด และทำให้บริษัทใหญ่ๆ ที่มักจะซุกซ่อนรายได้และกำไรที่แท้จริง ไม่สามารถเลี่ยงการจ่ายภาษีได้อีกต่อไป รวมทั้งการยุบสวัสดิการที่รัฐเคยแจก เช่น เงินช่วยแหลือผู้พิการ บัตรอาหาร หรือประกันสุขภาพ เพื่อนำเงินมาใช้ในนโยบายนี้ โดยการตัดสวัสดิการเบื้องต้นดังกล่าวจะส่งเสริมให้ประชาชนดูแลสุขภาพตัวเองในทางอ้อม และรายได้ใหม่ที่เกิดจากการใช้เงินที่รัฐแจก ไปจนถึงการเก็บภาษีจากคนรวยและธุรกิจที่ปล่อยคาร์บอน

 

Q: นโยบายนี้มีประโยชน์อะไร

A: กระตุ้นให้คนหางานทำ โดยปกติรัฐมักจะตัดสวัสดิการสังคมเมื่อพลเมืองคนนั้นๆ มีงานทำ ซึ่งทำให้ชาวอเมริกันบางคนมีปัญหาทางการเงินหนักหน่วงกว่าช่วงที่ว่างงานเสียอีก แต่ UBI  ไม่มีข้อห้ามในการหารายได้เพิ่มเติม เพิ่มอำนาจต่อรองให้แรงงาน ในเมื่อมีเงินการันตีจากรัฐอยู่แล้ว แรงงานเหล่านี้จึงไม่จำเป็นต้องทำงานที่ได้ค่าตอบแทนน้อยหรือต้องจำยอมรับสภาพการจ้างงานที่เอาเปรียบ

 

Q: แจกเงินแล้วคนจะไม่งอมืองอเท้าหรือ

A: งานวิจัยหลายชิ้นในหลายทศวรรษที่ผ่านมาชี้ว่า หลังจากได้รับเงินจากรัฐบาลมีเพียงคุณแม่มือใหม่และเด็กๆ วัยเรียนเท่านั้นที่ทำงานน้อยลง สอดคล้องกับผลการศึกษาของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดและสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ที่ระบุว่า “นโยบายการแจกเงินไม่ส่งผลกระทบกับพฤติกรรมการทำงาน” อีกทั้งเงินจำนวน 12,000 เหรียญสหรัฐต่อปีอาจจะไม่เพียงพอสำหรับการใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย ดังนั้นชาวอเมริกันยังคงต้องทำงานหาเลี้ยงชีพอยู่ดี

ไม่ว่านโยบายนี้จะแก้ปัญหาหรือบังคับใช้ได้จริงหรือไม่ ทว่าจากการสำรวจความคิดเห็นของหลายโพลล์ คนอเมริกันมองว่าหยางได้เปรียบกว่านักการเมืองมืออาชีพอีกหลายคน