อาเซียนรับมือหุ่นยนต์

โพสต์ทูเดย์ - “สนธิรัตน์” ดันอาเซียนเข้าสู่ยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม 4.0 ชงทำแผนรับมือการนำหุ่นยนต์มาใช้ ตั้งเป้าอาเซียนติด 1 ใน 5 เศรษฐกิจดิจิทัลโลก

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดงานสัมมนาการเตรียมความพร้อมอาเซียนรับ 4IR หรือการเข้าสู่ยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม ครั้งที่ 4 ว่า กระทรวงพาณิชย์ได้ร่วมมือกับสำนักเลขาธิการอาเซียนจัดงานสัมมนาใหญ่เป็นงานแรกนับตั้งแต่ไทยเริ่มเป็นประธานอาเซียนในปีนี้ โดยมีเป้าหมายเพื่อเตรียมความพร้อมให้กับทุกภาคส่วนให้พร้อมรับมือกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งปัจจุบันมีการนำหุ่นยนต์ระบบอัตโนมัติ (เอไอ) เทคโนโลยีดิจิทัล และการใช้นวัตกรรม มาใช้และมีบทบาทในภาคอุตสาหกรรมและธุรกิจบริการ

“ขณะนี้ทั่วโลกได้ให้ความสำคัญกับการยกระดับโครงสร้างเศรษฐกิจสู่การเป็นเศรษฐกิจดิจิทัลในยุคอุตสาหกรรม 4.0 ที่เป็นผลมาจากการปฏิวัติอุตสาหกรรม ครั้งที่ 4 ที่หุ่นยนต์ เทคโนโลยีดิจิทัล และนวัตกรรมเข้ามามีบทบาท ซึ่งไทยได้ประกาศนโยบายไทยแลนด์ 4.0 เพื่อยกระดับการผลิตและภาคอุตสาหกรรมไปแล้ว จึงเห็นควรที่จะผลักดันให้เป็นประเด็นสำคัญที่อาเซียนจะร่วมมือกันในการรับมือและขับเคลื่อน เพื่อรองรับเศรษฐกิจดิจิทัลในอนาคต” นายสนธิรัตน์ กล่าว

ทั้งนี้ ในฐานะที่ไทยเป็นประธานอาเซียน มีเป้าหมายที่จะผลักดันประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการรับมือการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 ได้แก่ 1.การจัดทำแผนการดำเนินงานตามกรอบการบูรณาการด้านดิจิทัลของอาเซียน เพื่อสร้างความร่วมมือด้านดิจิทัลในภูมิภาคให้เกิดผลลัพธ์เป็นรูปธรรมโดยเร็ว 2.การจัดทำแผนงานด้านนวัตกรรมของอาเซียน เพื่อส่งเสริมการนำนวัตกรรมมาเป็นกลไกในการขับเคลื่อนและสร้างการพัฒนาในภูมิภาค

3.การจัดทำแนวทางการพัฒนาแรงงานมีทักษะและผู้ประกอบวิชาชีพเพื่อรับมือกับการปฏิวัติอุสาหกรรม 4.การจัดทำแถลงการณ์ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมของอาเซียนไปสู่อุตสาหกรรม 4.0 เพื่อแสดงเจตนารมณ์ในการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมสำคัญของภูมิภาคอาเซียนไปสู่อุตสาหกรรม 4.0 และ 5.การส่งเสริมการใช้ดิจิทัลสำหรับผู้ประกอบการรายย่อยอาเซียน โดยจัดทำแนวทางส่งเสริมให้ผู้ประกอบการรายย่อยเข้าสู่ระบบ และใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการเข้าสู่ตลาดต่างประเทศ

อย่างไรก็ตาม เป้าหมายของการทำแผนขับเคลื่อนดังกล่าว ต้องการผลักดันให้อาเซียนเป็นภูมิภาคที่มีขนาดเศรษฐกิจดิจิทัลใหญ่ติดอันดับ 1 ใน 5 ของโลก และมีการเติบโตจาก 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปัจจุบันเป็น 2 แสนล้านดอลลาร์ ในปี 2568

นอกจากนี้ ในการจัดงานครั้งนี้ได้จัดแสดงนิทรรศการจากภาครัฐในเรื่องการเป็นประธานอาเซียนของไทย ประเทศไทย 4.0 เมืองอัจฉริยะ และระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) รวมทั้งได้นำสินค้านวัตกรรมของผู้ประกอบการไทย และนำเงาะและมังคุดจากผู้ประสบภัยจากพายุ “ปาบึก” ในพื้นที่ภาคใต้ มาใช้ในการจัดเลี้ยงอาหารว่างในช่วงการประชุม ซึ่งถือเป็นมาตรการช่วยเหลือผู้ประสบภัยของกระทรวงพาณิชย์ด้วย

สำหรับการจัดสัมมนาดังกล่าวเป็นช่วงที่ไทยเป็นเจ้าภาพจัดประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านเศรษฐกิจอาเซียน (ซีออม) และการประชุมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ 12-18 ม.ค. 2562 ที่กรุงเทพฯ ซึ่งกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศได้เตรียมการจัดการประชุมอย่างเต็มที่ เพื่อต้อนรับผู้ที่เข้ามาร่วมประชุมจากอาเซียน