เงินจ๊าดอ่อนฉุดยอดด่านแม่สอด

ศุลกากรเผยการค้าชายแดนตาก-เมียนมาปีนี้โตไม่ถึง 1% มูลค่ากว่า 7.7 หมื่นล้าน เหตุชาวเมียนมาชะลอการใช้จ่ายหลังเงินจ๊าดอ่อนค่าลง

นายวัลลภ วุฒาพาณิชย์ นายด่านศุลกากรแม่สอด ชายแดนไทย-เมียนมา อ.แม่สอด จ.ตาก เปิดเผยว่า ภาพรวมการค้าชายแดนด่านศุลกากรแม่สอดกับจังหวัดเมียวดี ประเทศเมียนมา ปีงบประมาณ 2560 ระหว่างเดือน ต.ค. 2559-ก.ย.ปีนี้ มีสถิติการนำเข้าและส่งออกสินค้ามูลค่า 7.76 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.73% เมื่อเทียบกับปีงบประมาณที่ผ่านมา มูลค่า 7.70 หมื่นล้านบาท

ทั้งนี้ ในปีนี้มูลค่าการค้าเติบโตไม่มากนัก เมื่อเทียบจากทุกปีที่ผ่านมา เติบโตเฉลี่ย 10% ต่อปี เนื่องจากอัตราแลกเปลี่ยน ค่าเงินจ๊าดของเมียนมาอ่อนค่าลงมาก เมื่อเปรียบเทียบกับค่าเงินบาทไทยที่แข็งค่าขึ้นทำให้ชาวเมียนมาชะลอการสั่งซื้อสินค้าจากประเทศไทย เพราะราคาสินค้าได้ปรับตัวสูงขึ้น แต่มีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

สำหรับพฤติกรรมการซื้อสินค้าของชาวเมียนมา ยังคงนิยมและสั่งซื้อนำเข้าสินค้าจากประเทศไทยเป็นอันดับต้นๆ ได้แก่ น้ำตาลทรายขาว โทรศัพท์มือถือพร้อมอุปกรณ์ รถจักรยานยนต์ เครื่องดื่มชูกำลัง เครื่องมือเพื่อการเกษตร เบียร์ น้ำอัดลม ผ้าพิมพ์ฝ้าย 100% ก๊าซปิโตรเลียมเหลว น้ำมันดีเซล รองเท้าแตะ น้ำมันเบนซิน กระเบื้อง รถแทรกเตอร์พร้อมอุปกรณ์ควบคู่ น้ำมันพืช นมถั่วเหลือง เหล้าวิสกี้ ขนมปัง โทรทัศน์

ด้าน นางจริณยา ศรีประทุม หัวหน้าฝ่ายสืบสวนและปราบปราม ด่านศุลกากรแม่สอด กล่าวเพิ่มเติมว่า ในด้านการสืบสวนปราบปราม ได้มีการเข้มงวดปราบปรามสินค้าลักลอบส่งออก-นำเข้าที่ผิดกฎหมายหรือหนีภาษี มีการจับกุมได้อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การค้าชายแดนด่านแม่สอด-เมียวดีเข้าสู่ระบบสากลที่ถูกต้องในพิธีการทางศุลกากร

แหล่งข่าวจากพ่อค้าชาวเมียนมา จังหวัดเมียวดี ระบุว่า พ่อค้านักธุรกิจชาวเมียนมายังคงสั่งซื้อสินค้าจากไทยตามปกติ เพราะชาวเมียนมานิยมเลือกอุปโภคบริโภคสินค้าไทยที่ผลิตจากประเทศไทย จึงมีการสั่งซื้อจำนวนมาก โดยเชื่อมั่นต่อแบรนด์สินค้าไทย

ทั้งนี้ เงินจ๊าดที่อ่อนค่าลง ทำให้ยอดสั่งซื้อชะลอลงไป แต่ไม่มากเพราะชาวเมียนมาชื่นชอบและนิยมสินค้าไทยมากที่สุด ส่วนปัญหาที่รัฐบาลเมียนมาส่งกำลังเข้าปราบปรามชาวโรฮีนจาในรัฐยะไข่นั้น ไม่ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อและมูลค่า การซื้อขายบริเวณชายแดนด่านแม่สอดเมียวดี