ตลาดรถกัมพูชาโตพรวด โอกาสไทยลงทุนอู่ซ่อม
เศรษฐกิจที่โตอย่างก้าวกระโดด ของกัมพูชา ประกอบกับรัฐบาลให้ความสำคัญกับการปรับปรุงระบบสาธารณูปโภค ทำให้การคมนาคมติดต่อระหว่างพื้นที่ต่างๆ สะดวกขึ้น
โดย...ชลธิชา ภัทรสิริวรกุล
เศรษฐกิจที่โตอย่างก้าวกระโดด ของกัมพูชา ประกอบกับรัฐบาลให้ความสำคัญกับการปรับปรุงระบบสาธารณูปโภค ทำให้การคมนาคมติดต่อระหว่างพื้นที่ต่างๆ สะดวกขึ้น ส่งผลให้ความต้องการยานพาหนะทั้งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ตลอดจนชิ้นส่วนยานยนต์ประเภทต่างๆ เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จึงเป็นโอกาสของผู้ประกอบการไทยที่จะส่งออกชิ้นส่วนยานยนต์เข้าไปเจาะตลาด รวมทั้งการลงทุนอู่ซ่อมรถในกัมพูชา
สำนักงานส่งเสริมการค้า ณ กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ให้ข้อมูลว่า ความต้องการยานพาหนะของชาวกัมพูชาเพิ่มขึ้นมาก โดยเฉพาะใน เมืองใหญ่และแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ สถิติการขึ้นทะเบียนยานพาหนะในปี 2555 พบว่า ในปี 2555 มีรถที่ขึ้นทะเบียนในกัมพูชาแล้วถึง 2 ล้านคัน เพิ่มขึ้นจากปี 2554 ถึง 7.7% แต่ทั้งนี้คาดว่า ปริมาณรถยนต์ในตลาดจริงๆ ปัจจุบันนั้นอาจสูงกว่าตัวเลขที่แสดงไว้มาก เนื่องจากชาวกัมพูชามีกำลังซื้อมากขึ้น
ขณะเดียวกัน รถจักรยานยนต์ก็เป็นอีกพาหนะยอดนิยมของชาวกัมพูชา โดยครอบครัวหนึ่งจะมีรถจักรยานยนต์เฉลี่ย 1-2 คัน และคาดว่าปริมาณรถยนต์และรถจักรยานยนต์ในประเทศกัมพูชามีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นทุกปี ส่งผลให้ต้องมีการนำเข้าอะไหล่รถยนต์และรถจักรยานยนต์เพิ่มมากขึ้นด้วย
ในปี 2556 กัมพูชามีมูลค่าการนาเข้าอะไหล่รถยนต์และรถจักรยานยนต์ทั้งหมด 331.56 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยเป็นการนำเข้าจากไทยมากที่สุด 101.628 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ คิดเป็น 30.65% ของการนำเข้าทั้งหมด รองลงมาคือ จีน ไต้หวัน และสิงคโปร์ ข้อมูลนี้แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของตลาดกัมพูชาของอุตสาหกรรมอะไหล่รถยนต์และรถจักรยานยนต์ ของไทย
อย่างไรก็ดี รถยนต์ส่วนใหญ่ 85% ที่ใช้กันอยู่ในกัมพูชา เป็นการนำเข้าจากต่างประเทศที่ใช้พวงมาลัยซ้าย จึงทำให้ธุรกิจบริการซ่อมบำรุงรักษารถยนต์เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้ใช้รถชาวกัมพูชา แต่ส่วนใหญ่จะเป็นศูนย์ซ่อมของค่ายรถยนต์ที่นำเข้า ซึ่งมีค่าบริการซ่อมสูงกว่าทั่วไปเฉลี่ย 20%
ทั้งนี้ อู่ซ่อมรถยนต์ส่วนใหญ่กว่า 60% อยู่ในกรุงพนมเปญ และมีชาวกัมพูชาเป็นเจ้าของ ส่วนอีก 30% เป็นของชาวเวียดนาม ที่เหลือกว่า 10% เป็นชาวต่างชาติอื่นๆ
ขณะที่การฝึกอบรมและระบบการศึกษาในเรื่องช่างเทคนิค ช่างเครื่องยนต์และช่างฝีมือของกัมพูชายังไม่เป็นระบบนัก ส่วนใหญ่ผ่านการอบรมและเรียนรู้ทักษะมาจากประเทศไทย
"กัมพูชายังไม่มีช่างเทคนิคและช่างเครื่องยนต์ จึงเป็นโอกาสผู้ประกอบการไทยจะเข้าไปลงทุนประกอบกิจการให้บริการด้านอู่ซ่อมรถยนต์ในกัมพูชา และทำตลาดด้วยการสร้างเครือข่ายกับช่างเทคนิค หรือเจ้าของอู่ซ่อมรถ เพื่อเป็นช่องทางในการกระจายสินค้าจากประเทศไทยสู่กัมพูชา เพราะตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ส่วนใหญ่จะเก็บสต๊อกของอะไหล่ไว้จำนวนหนึ่งสำหรับบริการลูกค้า" สคร.กรุงพนมเปญ บอก
แม้คู่แข่งขันของไทยจะมีทั้งเวียดนามและจีนที่พยายามเข้ามาขยายตลาด และแย่งชิงส่วนแบ่งทางการตลาดชิ้นส่วนอะไหล่และส่วนประกอบรถยนต์ด้วยการแข่งขันทางด้านราคาที่ถูกกว่า แต่ชาวกัมพูชาส่วนใหญ่ยังคงให้การยอมรับและเชื่อถือในคุณภาพของสินค้าไทย ทำให้ผู้ประกอบการไทยยังได้เปรียบอยู่


