'ศิวาเทล' รีแบรนด์สร้างจุดขาย เจาะตลาดเพื่อนบ้าน

โดย...ชลธิชา ภัทรสิริวรกุล

ธุรกิจโรงแรม เป็นอีกธุรกิจหนึ่งที่ต้องปรับตัวอยู่ตลอดเวลา เพราะปัจจุบันมีผู้เล่นหลากหลายกลุ่มที่กระโดดเข้ามาชิงส่วนแบ่งตลาดด้วย ดังนั้น “เอกลักษณ์” เฉพาะตัวที่โดดเด่นและชัดเจนจะเป็นจุดขายที่ช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจโรงแรมอยู่รอดบนเส้นทางการแข่งขันที่ดุเดือดนี้ได้

เช่นเดียวกับโรงแรม “ศิวาเทล” ที่ อลิสรา ศิวยาธร รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ โรงแรมศิวาเทล บางกอก ทายาทรุ่น 3 ตัดสินใจทุ่มงบกว่า 30 ล้านบาท รีแบรนด์ธุรกิจโรงแรมเป็นรีสอร์ท อิน เดอะ ซิตี้ (Resort in the city) โดยอัพเกรดดีไซน์ใหม่ เพื่อสร้างอัตลักษณ์ของแบรนด์ มีจุดขายการเป็นโรงแรมกลางใจเมืองย่านเพลินจิตพร้อมห้องพักขนาดบิ๊กไซส์จำนวน 75 ห้อง ที่พร้อมขอแบ่งส่วนแบ่งตลาดของโรงแรมอินเตอร์แบรนด์แบบเงียบๆ

“ศิวาเทลกำลังรีแบรนด์ตัวเองใหม่ให้สอดคล้องกับกลุ่มลูกค้า และเมื่อแข็งแกร่งดีแล้วก็จะหาโอกาสขยับขยายออกไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้านต่อ จากในปีที่ผ่านมาลูกค้าในกลุ่มเอเชียที่มาพักมีสัดส่วนเพิ่มขึ้น และพบว่าเริ่มมีกลุ่มเพื่อนบ้านอาเซียนอย่างเมียนมา กัมพูชา และเวียดนามเข้ามาใช้บริการ มีสัดส่วนอยู่ที่ 3% จากเดิมที่ไม่เคยมีลูกค้าจากกลุ่มประเทศนี้ ทำให้เห็นถึงตลาดและโอกาสในการเติบโต” อลิสรา กล่าว

เนื่องจากในช่วงปีที่ผ่านมา ได้เดินทางไปโรดโชว์และแนะนำตัวกับตัวแทนบริษัททัวร์รายใหญ่ของประเทศในแถบเอเชียทั้ง เกาหลีใต้ ฮ่องกง ไต้หวัน และประเทศในกลุ่มซีแอลเอ็มวี ประกอบด้วย กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา และเวียดนาม เพื่อให้เป็นที่รู้จัก โดยเฉพาะลูกค้าจากเมียนมาและกัมพูชาระดับเจ้าของกิจการที่นิยมเข้ามาช็อปปิ้งในกรุงเทพฯ และมาหาหมอที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ซึ่งอยู่ใกล้กับโรงแรม

โดยในขณะนี้ได้เริ่มเข้าไปทำคอนแทรกต์กับโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์แล้ว เพื่อให้ศิวาเทลมีชื่ออยู่ในรายชื่อโรงแรมแนะนำสำหรับกลุ่มลูกค้าจากต่างประเทศที่มาใช้บริการ ซึ่งก็ได้รับการตอบรับที่ดี จากจุดเด่นโรงแรมที่เป็นห้องขนาดใหญ่ และมี 2 ห้องนอน ซึ่งเป็นช่องว่างทางการตลาดของโรงแรมในย่านนี้ ทำให้เริ่มมีลูกค้าในกลุ่มตะวันออกกลางเพิ่มเข้ามาด้วย

ทั้งนี้ อยู่ระหว่างแต่งตัวให้พร้อม เพื่อรองรับในอนาคตเมื่อฐานในประเทศแข็งแกร่งดีแล้ว อีก 5-10 ปีข้างหน้าก็มีโอกาสที่จะเห็นศิวาเทลขยายสาขาออกไปลงทุนในเพื่อนบ้านอาเซียนได้ หรืออาจจะเร็วกว่านี้ก็ได้ หากมีพันธมิตรธุรกิจที่น่าสนใจ เพราะขณะนี้ก็มีธุรกิจรีสอร์ทในเวียดนามที่สนใจเสนอขายให้บริหารต่อด้วยเช่นกัน

โดยมองว่า ธุรกิจโรงแรมในประเทศไทยมีการแข่งขันสูงมากเกิดขึ้นทุกวันในทุกระดับราคา ขณะที่ตลาดเพื่อนบ้านซีแอลเอ็มวียังมีโอกาสอีกมาก เพราะการแข่งขันยังน้อยกว่า และจะเห็นว่าโรงแรมส่วนใหญ่ในประเทศเพื่อนบ้านยังไม่ค่อยมีเชนใหญ่ๆ มากนัก ซึ่ง “ศิวาเทล” ที่เป็นโรงแรมแบรนด์คนไทยแท้ 100% ก็น่าจะมีโอกาสเช่นกัน

พร้อมตั้งเป้าไว้ว่าภายในปี 2560 ชื่อของโรงแรมศิวาเทลจะขึ้นมาติดอันดับท็อป 50 ของรายชื่อการค้นหาโรงแรมที่พักของเว็บไซต์ ทริป แอดไวเซอร์ (Trip Advisor) จากปัจจุบันอยู่ในอันดับที่ 54-58 ซึ่งถือว่าเป็นตลาดหลัก เนื่องจากมีการจองที่พักออนไลน์ผ่านเว็บ 50-60% จากทั้งหมด และเป็นลูกค้าที่เข้ามาผ่านตัวแทนบริษัททัวร์อีกประมาณ 25-30% ที่เหลือเป็นกลุ่มองค์กร นักธุรกิจที่มาติดต่อกับสถานทูตอังกฤษ และกลุ่มที่เดินเข้ามาหาเอง

สำหรับสัดส่วนลูกค้าของโรงแรมเดิม 40% เป็นกลุ่มยุโรป และ 30% เป็นโซนเอเชีย แต่ปีนี้เปลี่ยนเป็นโซนเอเชีย 40% ยุโรป 30% โดยนักท่องเที่ยวจากฮ่องกงเป็นอันดับหนึ่ง รองลงมา คือ กลุ่มบริติช ตะวันออกกลาง และเกาหลีใต้ โดยในปีหน้าเน้นทำการตลาดในกลุ่มประเทศยุโรปเพิ่มขึ้น ด้วยมองว่ากลุ่มลูกค้าจากยุโรปเป็นกลุ่มที่มีการจองเข้ามาล่วงหน้ายาว ทำให้วางแผนและประเมินตลาดได้ดีกว่า อีกทั้งยังมีการใช้จ่ายในกิจกรรมต่างๆ ภายในโรงแรมมากกว่าลูกค้ากลุ่มเอเชีย

พร้อมกับเน้นการออกไปโรดโชว์และแนะนำตัวกับตัวแทนบริษัททัวร์ในประเทศต่างๆ ให้เข้มข้นขึ้น โดยจะเป็นการออกไปลุยเอง จากเดิมที่เน้นให้ตัวแทนเอเยนซีในการออกไปทำตลาด รวมถึงการรวบรวมข้อมูลของลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่มาแล้วมาอีก หรือที่เรียกว่ากลุ่ม “บิ๊กแฟน” เพื่อศึกษาพฤติกรรมและนำมาปรับปรุงให้ตรงกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้า ซึ่งจะสร้างการจดจำที่ดี อีกทั้งมีแนวคิดที่จะทำให้โรงแรมเป็น “คลีน-กรีนและสมาร์ท” ที่มีการบริหารที่โปร่งใส เป็นธรรมกับคู่ค้า เป็นกรีนโฮเต็ล ที่จะพยายามปรับเปลี่ยนและลดวัตถุดิบที่ใช้สารเคมีในโรงแรมทั้งหมด เริ่มจากการทำคอนแทรกต์ฟาร์มมิ่งกับเกษตรกรที่อัมพวา

เพื่อส่งวัตถุดิบที่เป็นออร์แกนิกมาให้ และเปลี่ยนของใช้ในห้องน้ำให้เป็นแบบออร์แกนิก ซึ่งจะช่วยเพิ่มจุดขายให้อีกทาง