ชีวิตจริงไม่เหมือนในหนัง หนุ่มซีเรียติดอยู่ในสนามบินตุรกีเป็นปี!

หนุ่มซีเรียต้องติดอยู่ในสนามบินอตาเติร์กของตุรกีเป็นปี หลังพาสปอร์ตมีปัญหา

เรื่องราวชีวิตจริงของหนุ่มชาวซีเรียวัย 28 ปี ผู้มีนามว่า Fadi Mansour นี้ช่างแตกต่างและไม่ได้สดใสเหมือนตัวละครในภาพยนตร์เรื่อง The Terminal ที่นำแสดงโดย ทอม แฮงค์ เนื่องจากตัวละครนั้นสามารถเดินไปรอบๆสนามบินอันกว้างใหญ่ได้ แต่ Mansour ทำได้เพียงนั่งรอให้เวลาผ่านไปในห้องแคบๆ ของสนามบินอตาเติร์ก ในตุรกีเท่านั้น

อย่างไรก็ดีนับได้ว่าชะตากรรมของเขานั้นโชคดีกว่าผู้อพยพร่วมชาติอยู่มาก เพราะมีจำนวนไม่น้อยที่ต้องเสียชีวิตในระหว่างการเดินทางข้ามทะเลเมดิเตอร์เรเนียน หรือติดแหงกอยู่ที่บริเวณชายแดน

เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อ เดือนพฤศจิกายน ปี 2557 Mansour ตัดสินใจเดินทางไปยังตุรกี เพื่อคาดหวังชีวิตใหม่ แต่หลังจากพบว่าที่ตุรกีนั้นไม่อนุญาตให้ผู้อพยพทำงานแบบถูกกฏหมายได้ เขาจึงเปลี่ยนแผนเดินทางไปยังเยอรมนีแทน ด้วยพาสปอร์ตปลอม ซึ่งในระหว่างการเดินทางนั้นเครื่องบินได้แวะเปลี่ยนเครื่องที่ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ในมาเลเซีย

หายนะเกิดขึ้นเมื่อเจ้าหน้าที่มาเลเซียค้นพบว่าพาสปอร์ตของเขานั้นเป็นพาสปอร์ตปลอม ดังนั้นเขาจึงถูกส่งกลับมายังตุรกีอีกครั้ง ภายในห้องกักกันที่สนามบิน เจ้าหน้าที่กล่าวกับเขาว่า จะส่งตัวเขากลับไปยังมาเลเซีย Mansour พยายามบอกว่าที่มาเลเซียไม่มีใครต้องการผู้ลี้ภัยชาวซีเรีย และเขาต้องการลี้ภัยที่นี่ แต่เจ้าหน้าที่ตุรกีปฏิเสธและกล่าวว่า ที่ตุรกีนั้นมีผู้ลี้ภัยชาวซีเรีย 2 ล้านคนแล้ว และไม่มีนโยบายรับเพิ่มอีก

อย่างไรก็ตาม Mansour คิดถูก หลังจากสามวันที่เขาต้องรอในสนามบินกรุงกัวลาลัมเปอร์ ในที่สุดเขาก็ถูกส่งกลับมาที่สนามบินอตาเติร์กในตุรกีอีกครั้ง และถูกย้ายเข้าไปอยู่ในห้องพักเล็กๆของสนามบิน ที่ภายในมีผู้คนราว 40 คนที่มีปัญหาเช่นเดียวกับเขา โดยที่เขาไม่รู้เลยว่าเขาจะได้อาศัยอยู่ในห้องนี้ไปอีกถึง 1 ปีเต็ม

Mansour เล่าให้ฟังว่า ห้องดังกล่าวไม่มีหน้าต่าง และเขาก็ไม่ได้สัมผัสแสงอาทิตย์มานานถึง 8 เดือนแล้ว นอกจากนั้นสุขภาพร่างกายเขาก็ย่ำแย่ลง แค่เดินเป็นระยะทางเพียง 300 เมตร เขาก็รู้สึกเหนื่อยจนหอบแล้ว

หลังจากต้องอาศัยในห้องของสนามบิน 8 เดือน Mansour พยายามเดินทางไปยังเลบานอน แต่สุดท้ายเขาก็ถูกส่งกลับมาที่เดิมอีก Mansour ผ่านแต่ละวันไปได้ด้วยการดูภาพยนตร์ผ่านไอแพด และการอ่านหนังสือ

สุดท้ายหลังอดทนมานานแสนนาน ในที่สุดประเทศออสเตรเลียก็ยินดีรับ Mansour ในฐานะของผู้ลี้ภัยหลังจากที่ได้ยินเรื่องของเขา และ Mansour ได้ถูกส่งไปยังออสเตรเลียแล้วเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา หลังออสเตรเลียถูกตำหนิกรณีที่ไม่อาจทำตามสัญญาได้ว่า จะรับผู้ลี้ภัยชาวซีเรียจำนวน 12,000 คนเข้าไปในประเทศ

นับเป็นโชคดีของ Mansour จริงๆ หากผู้สร้างภาพยนตร์คนใดคิดที่จะทำภาคต่อของ The Terminal ละก็ เรื่องราวของ Fadi Mansour ชาวซีเรียคนนี้ ก็นับเป็นวัตถุดิบที่ดีไม่น้อยเลยทีเดียว