ผ่ามุมมองบุกกัมพูชา ขุมทองโลจิสติกส์-เช่าซื้อ

โดย...ตะวัน หวังเจริญวงศ์, อุเมสนัส ปานเดย์

สภาพตลาดที่กำลังเติบโตและสดใหม่ การแข่งขันยังไม่สูงมาก เป็นทั้งโอกาสและความท้าทายของธุรกิจโลจิสติกส์และธุรกิจเช่าซื้อ

ธเนศ พิริย์โยธินกุล กรรมการบริหารและผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ เปิดเผยว่า บริษัทมีวิสัยทัศน์ว่าภายในปี 2563 จะมีธุรกิจในอาเซียนอีก 7 ประเทศ ได้แก่ กัมพูชา เมียนมา ลาว เวียดนาม มาเลเซีย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ มีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจต่างประเทศ 25-30% ของรายได้ทั้งหมด

ทั้งนี้ บริษัทเริ่มต้นจากการร่วมทุนกับบริษัท อาร์เอ็มเอ กรุ๊ป ผู้มีบทบาทในอุตสาหกรรมอาหารสะดวกซื้อ และทำสัญญากับแฟรนไชส์อาหารชื่อดังในประเทศต่างๆ รวมถึงมีธุรกิจจำหน่าย จัดหา ดัดแปลง ยานพาหนะ สอดคล้องกับแนวทางของบริษัทที่ให้บริการโลจิสติกส์ด้านอาหาร เคมีภัณฑ์ และยานยนต์

การร่วมทุนกับอาร์เอ็มเอ กรุ๊ป ซึ่งมีธุรกิจอยู่ในกัมพูชามากว่า 20 ปี ลาวกว่า 10 ปี และเมียนมาอีกราว 5 ปี เข้าใจสภาพตลาด มีความสัมพันธ์อันดีกับหน่วยงานท้องถิ่น ทำให้บริษัทมีโอกาสในตลาดต่างๆ มากขึ้น บริษัทจึงเริ่มจากการขนส่งสินค้าข้ามแดนเข้าไปในกัมพูชาตั้งแต่กลางปี 2557 ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้างคลังสินค้า พื้นที่ 6,200 ตร.ม. รองรับสินค้า 8,000-1 หมื่นตันในพนมเปญ แบ่งเป็นห้องเย็นสำหรับเก็บอาหารระดับอุณหภูมิตั้ง -4 ถึง -30 องศาเซลเซียส 50% และคลังเก็บสินค้าแบบแห้ง เช่น ชิ้นส่วนยานยนต์ ยาสระผม อีก 50% คาดว่าจะเสร็จสิ้นไม่เกินไตรมาส 2 ของปี 2559

“กัมพูชามีห้างสรรพสินค้าสัญชาติญี่ปุ่นเข้าไปตั้งอยู่ในพนมเปญแล้ว อนาคตมีห้างสรรพสินค้าจากเกาหลีใต้ ไต้หวัน รอเข้ามาเปิดเพิ่มเติม เป็นโอกาสของธุรกิจโลจิสติกส์”

ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ธเนศ ระบุว่า เจดับเบิ้ลยูดี มีแผนจะขยายพื้นที่คลังสินค้าเฟส 2 ในพนมเปญด้วย เนื่องจากเชื่อว่าความต้องการคลังสินค้าในพนมเปญยังมีแนวโน้มขยายตัว เพื่อใช้เป็นศูนย์กลางขนส่งไปยังพื้นที่อื่นของประเทศ หลังจากนั้นจะก่อสร้างคลังสินค้านอกพนมเปญอีก 1-2 แห่งด้วย เนื่องจากการลงทุนนิคมอุตสาหกรรม อสังหาริมทรัพย์ประเภทต่างๆ ในกัมพูชา ขยายตัวไปหลายพื้นที่

ทั้งนี้ กัมพูชามีความท้าทายหลายประการสำหรับธุรกิจโลจิสติกส์ เช่น เป็นประเภทธุรกิจที่ไม่ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานส่งเสริมการลงทุนในกัมพูชา เนื่องจากกัมพูชาต้องการปกป้องธุรกิจประเภทดังกล่าวให้คนในประเทศ โครงสร้างพื้นฐานพัฒนาขึ้นจากในอดีต แต่การขนส่งทางบกและทางรางก็ยังมีข้อจำกัด ธุรกิจจากต่างชาติยังไม่สามารถถือหุ้น 100% ได้ จึงมีความยากลำบากในการถือครองกรรมสิทธิ์ที่ดิน การขนส่งข้ามแดนยังต้องเปลี่ยนรถ

“แต่กัมพูชายังไม่ค่อยมีคู่แข่งโลจิสติกส์ขนส่งอาหารที่แข็งแกร่ง และตลาดยังมีศักยภาพเติบโต เราสามารถนำธุรกิจที่เชี่ยวชาญและดำเนินการอยู่แล้วในไทยมาต่อยอดได้ เมื่อเปรียบเทียบโอกาสและความท้าทายแล้ว เราจึงยังเห็นโอกาส”

เช่นเดียวกับธุรกิจเช่าซื้อ มิทซึจิ โคโนชิตะ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กรุ๊ปลีส ที่มีแผนจะบุกหลายประเทศในอาเซียนเช่นกัน แต่เริ่มต้นจากกัมพูชาก่อน เพราะมองเห็นโอกาสมากกว่าความท้าทาย

เขาเล่าว่า การจะเข้าสู่ตลาดที่ยังสดใหม่มากอย่างกัมพูชา ต้องมีนวัตกรรมและกล้าเสี่ยง บริษัทของเขาจึงพยายามสรรค์สร้างนวัตกรรมประกอบการดำเนินธุรกิจ จนในที่สุดได้จับมือกับผู้ให้บริการสัญญาณโทรศัพท์มือถือ เพื่อให้ลูกค้าของเขาสามารถชำระค่าบริการสินเชื่อเช่าซื้อผ่านการเติมเงินโทรศัพท์มือถือได้ ขณะเดียวกันยังใช้โซเชียลมีเดียสื่อสารกับลูกค้าด้วย

นวัตกรรมดังกล่าว ช่วยขจัดความท้าทายของธุรกิจเช่าซื้อไปประการหนึ่งได้ เนื่องจากคนชนบทในกัมพูชามักจะไม่มีบัญชีเงินฝากในธนาคารเป็นของตัวเอง

สำหรับกรุ๊ปลีส มองโอกาสการเจาะตลาดคนชนบทในอาเซียนเป็นหลัก เนื่องจากมีจำนวนกว่า 70% ของประชากรทั้งภูมิภาค อีกทั้งการบุกตลาดในเขตเมืองของหลายประเทศยังทำได้ยาก เนื่องจากมีคู่แข่งอย่างสถาบันการเงินที่คุมตลาด 50 กิโลเมตรรอบเมืองใหญ่ไว้แล้ว

ด้านธุรกิจในกัมพูชา เขาดำเนินธุรกิจให้เช่าซื้อสินค้าเครื่องจักรทางการเกษตรและรถจักรยานยนต์เป็นหลัก มีรายได้ในปัจจุบัน 60 ล้านเหรียญสหรัฐ เชื่อว่าอีก 3-4 ปีข้างหน้า ธุรกิจในกัมพูชาจะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และทำให้รายได้ในปี 2563 ขยับขึ้นไปแตะ 700 ล้านเหรียญสหรัฐ

เมื่อกัมพูชามีทั้งโอกาสและความท้าทาย หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ จึงร่วมกับ สมาคมมิตรภาพไทย-กัมพูชา บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ (เอพีเอ็ม) หนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ และหนังสือพิมพ์เอ็มทูเอฟ จัดสัมมนาเรื่อง “โลจิสติกส์พลิกโฉมกัมพูชา” ณ กรุงพนมเปญ ในวันที่ 8 ต.ค.นี้ เพื่อให้นักลงทุนได้รับทราบข้อมูลเชิงลึก พร้อมต่อยอดโอกาสและรับมือความท้าทายในกัมพูชา