เอกชนอุตรดิตถ์เล็งลงทุนด่านภูดู่ คู่ขนานเขตเศรษฐกิจฝั่งลาว

โดย...บุญนำ เกิดแก้ว

หลังคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบให้ใช้พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติน้ำปาด เนื้อที่ 1,800 ไร่ เพื่อนำมาพัฒนาจุดผ่านแดนถาวรช่องภูดู่ ต.ม่วงเจ็ดต้น อ.บ้านโคก จ.อุตรดิตถ์ ภาคเอกชน จ.อุตรดิตถ์ ก็ตอบรับพร้อมที่จะเข้าไปมีส่วนร่วมในการพัฒนาด่านภูดู่ให้เป็นประตูการค้าอีกจุดหนึ่ง

วิเชียร แสงวิวัฒน์เจริญ ประธานหอการค้าจังหวัดอุตรดิตถ์ กล่าวว่า ด่านภูดู่ต้องเร่งพัฒนาคู่ขนานไปกับฝ่ายประเทศลาว ที่กำลังพัฒนาพื้นที่ด่านผาแก้ว แขวงไซยะบุรี ซึ่งอยู่ห่างจากด่านภูดู่เพียง 1 กิโลเมตร มีการกันพื้นที่ไว้ราว 6,200 ไร่ เพื่อจัดทำเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ

“การประชุมร่วมกับฝ่ายลาว หอการค้าจังหวัดอุตรดิตถ์ และส่วนราชการ จ.อุตรดิตถ์ จะร่วมกันพัฒนาด่านภูดู่ให้เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษเพื่อให้สอดคล้องกับเขตเศรษฐกิจพิเศษของลาว แต่การผลักดันและการพัฒนาให้เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษของทั้งสองประเทศ จะเป็นไปในลักษณะต่างคนต่างพัฒนามากกว่าจะลงทุนหรือพัฒนาร่วมกัน”

วิเชียร กล่าวว่า แผนที่เตรียมดำเนินการทันทีหลังจาก ครม.อนุญาตให้ จ.อุตรดิตถ์ เข้าใช้ประโยชน์ในที่ดินป่าสงวนแห่งชาติป่าน้ำปาด จำนวน 1,800 ไร่ได้นั้น แบ่งออกเป็นสัดส่วนหลายด้าน ประกอบด้วยส่วนแรกจำนวน 300 ไร่ เป็นบริเวณอาคารสำนักงานของศุลกากร ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ด่านกักกันพืชและสัตว์ จุดผลัดเปลี่ยนสินค้า แต่ยังอยู่ระหว่างการสำรวจเรื่องผล
กระทบต่อสิ่งแวดล้อม ส่วนที่เหลือจะใช้เป็นพื้นที่สำหรับตลาดซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้า ป่าอนุรักษ์ พื้นที่ทำกินของประชาชน รวมทั้งส่วนราชการอื่นๆ ที่จะต้องมีตามมาภายหลังจากทุกอย่างเข้าที่แล้ว

อย่างไรก็ตาม ประธานหอการค้าจังหวัดอุตรดิตถ์ เสนอให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรและตำรวจตรวจคนเข้าเมืองมาอยู่ประจำด่าน
ภูดู่ถาวร โดยไม่ต้องให้ส่งเจ้าหน้าที่มาจาก จ.น่าน ทำให้ต้องมีค่าธรรมเนียมที่เพิ่มขึ้นจากปกติ ทำให้ประชาชนทั้งสองประเทศหันไปซื้อขายแลกเปลี่ยนที่จุดผ่อนปรนช่องมหาราช ต.บ่อเบี้ย อ.บ้านโคก แทน เพราะขั้นตอนที่ไม่ผ่านระบบราชการจะทำให้ประชาชนสะดวกสบายมากกว่า

วิเชียร กล่าวว่า ตั้งแต่ปี 2555-2557 มูลค่าการค้าชายแดนของด่านภูดู่ขยายตัวปีละ 10% ปัจจุบันมูลค่าการค้ารวมปีละประมาณ 1,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม หลังจาก ครม.อนุญาตให้ใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าน้ำปาดได้แล้ว จะมีนักธุรกิจมั่นใจและเข้ามาลงทุนที่ด่านภูดู่เพิ่มมากขึ้น แต่สิ่งที่คนในพื้นที่จะต้องพัฒนาตามคือระบบสาธารณูปโภค ที่พักที่จำเป็นจะต้องมีมากขึ้น รวมทั้งระบบการสื่อสารจะต้องดีตามมาด้วย