แคนาดาพบเรืออังกฤษที่หายสาบสูญกว่า160ปีที่แล้ว

แคนาดาพบเรือสำรวจหนึ่งในสองลำของอังกฤษที่หายสาบสูญไปเมื่อเกือบ170 ปีที่แล้ว เผยเป็นการค้นพบทางโบราณคดีครั้งสำคัญ

เมื่อปี 1845 หรือเกือบ 170 ปีที่แล้ว เรือสำรวจของอังกฤษ 2 ลำ คือ เรือรบหลวงเอเรบัส (HMS Erebus) และเรือรบหลวงเทอร์เรอร์ (HMS Terror) นำโดยเซอร์ จอห์น แฟลงคลิน ออกเดินทางจากอังกฤษ มุ่งหน้าไปยังขั้วโลกเหนือแถบพรมแดนประเทศแคนาดาทุกวันนี้ เพื่อค้นหาช่องน้ำฟากพายัพ หรือ Northwest Passage

ช่องน้ำนี้เชื่อกันว่า เป็นช่องทางเชื่อมต่อมหาสมุทรแอตแลนติก และมหาสมุทรแปซิฟิกใกล้กับขั้วโลกเหนือ และมีความสำคัญในด้านคมนาคมอย่างมาก เพราะจะช่วยร่นระยะทางระหว่างยุโรปกับมหาสมุทรแปซิฟิก โดยไม่ต้องอ้อมแหลมเตียร์รา เดล ฟวยโก ที่ปลายสุดของทวีปอเมริกาใต้ เพราะในขณะนั้นยังไม่มีการขุดคลองปานามา

อย่างไรก็ตาม ปฏิบัติการสำรวจในครั้งนั้นนอกจจากจะล้มเหลวแล้ว ยังเกิดเรื่องสยองขวัญตามมา เมื่อเรือทั้งสองเกิดติดอยู่ในแผ่นน้ำแข็งขนาดมหึมา ไม่อาจขยับเขยื่อนได้ ทำให้ลูกเรือต้องสละเรือ และรอคอยความช่วยเหลืออย่างสิ้นหวัง แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีผู้ใดพบเห็นเรือ

แม้ว่าจะมีอาการตุนไว้เพียงพอสำหรับยังชีพนานถึง 3 ปี แต่ในเวลาต่อมาคาดว่า อาหารคงจะร่อยหรอลงทีละน้อยๆ กระทั่งหมดลงในที่สุด จนลูกเรือต้องหันมากินเนื้อพวกเดียวกันเองเพื่อยังชีพ หลังจากที่บ่งชัด คือในเวลาต่อมาชนพื้นเมืองอินูอิตในแถบขั่วโลกเหนือ ค้นพบร่างไร้วิญญาณของคนผิวขาว 30 ศพ มีร่องรอยของการเฉือนเนื้อ กระดูก และอวัยวะบางส่วนออกไป ทำให้เกิดกระแสร่ำลือกันมานานนับร้อยปีว่า ลูกเรือเหล่านี้กินเนื้อมนุษย์เพื่อเอาชีวิตรอด

กระทั่งถึงทศวรรษที่ 90 นักโบราณคดีได้เดินทางไปยังเกาะคิง วิลเลียม ซึ่งเป็นสถานที่พบศพลูกเรือ และทำการขุดหลุมศพเพื่อตรวจสอบ พบว่ามีหลักฐานการกินเนื้อมนุษย์จริง

แม้จะพบศพของลูกเรือบางส่วน แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีใครทราบว่า เรือทั้ง 2 ลำได้อันตรธานไป ณ แห่งหนใด กลายเป็นปริศนาที่ชาวโลกพยายามไขให้กระจ่างมานาน อีกทั้งยังกลายเป็นตำนานเล่าขานในรูปแบบต่างๆ อย่างไม่รู้ลืม

กระทั่งวานนี้นายกรัฐมนตรี สตีเฟน ฮาร์เปอร์ แห่งแคนาดาได้แถลงว่า คณะสำรวจได้ค้นพบหนึ่งในเรือของคณะสำรวจภายใต้การนำของเซอร์แฟงคลินแล้วในแถบช่องแคบวิกตอเรีย แม้ในขณะนี้จะยังไม่สามารถระบุได้ว่าเรือที่พบเป็นลำใด ระหว่างเรือรบหลวงเอเรบัสหรือเรือรบหลวงเทอร์เรอร์ แต่เชื่อว่าจะสามารถพบเรืออีกลำได้ในเวลาอีกไม่นาน

พร้อมกันนี้ รัฐบาลแคนาดายังเปิดเผยภาพถ่ายจากยานสำรวจใต้น้ำ แสดงตัวลำเรือที่นอนแน่นิ่งที่ก้นมหาสมุทรอาร์กติก และระบุว่า ภาวะโลกร้อนทำให้น้ำแข็งขั้วโลกเริ่มละลาย จนหลักฐานปรากฏให้เห็นแก่สายตาชาวโลกอีกครั้ง

ด้าน วิลเลียม แบทเทอร์สบี นักโบราณคดีชาวอังกฤษ ถึงกับกล่าวว่า นี่คือการค้นพบทางโบราณคดีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบเกือบ 100 ปี นับตั้งแต่การเปิดหลุมศพของฟาโรห์ตุตันคาเมน