เล่ห์สหรัฐบนวิกฤตการเมืองไทยและยูเครน

คาร์ตาลุคซี จวกสหรัฐฯ สองมาตรฐาน หนุนผู้ต่อต้านในยูเครน แต่เข้าข้างรัฐบาลไทย

โทนี คาร์ตาลุคซี นักเขียนและนักวิจัยทางการเมืองชาวสหรัฐฯ เขียนบทความในเว็บไซต์ โกลเบิล รีเสิร์ช วิเคราะห์เปรียบเทียบวิกฤตการชุมนุมต่อต้านรัฐบาลของผู้ประท้วง 2 ประเทศ ระหว่างประเทศยูเครนในยุโรปตะวันออก และประเทศไทยในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยให้รายละเอียดในบทความว่า ประเทศสหรัฐอเมริกากระทำการลักหลั่นสำหรับเหตุการณ์ชุมนุมในสองประเทศ โดยสนับสนุนผู้ประท้วงในประเทศยูเครนว่าสามารถกระทำได้ตามระบอบประชาธิปไตย ในขณะที่ติงมวลมหาประชาชนที่ออกมาชุมนุมในไทยว่า เป็นการประท้วงที่พยายามลดประชาธิปไตยในประเทศ

ทั้งนี้ คาร์ตาลุคซี ให้ความเห็นเพิ่มเติมในประเด็นนี้ว่า รัฐบาลและสื่อของชาติตะวันตกจะออกมาสนับสนุนฝ่ายใดจากเหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นนั้น ขึ้นอยู่บนผลประโยชน์ที่ตนเองจะได้รับทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม และอำนาจการเมือง เห็นได้ชัดจากการรายงานข่าวของชาติตะวันตกที่ระบุว่า ประชาชนชาวยูเครนออกมาประท้วงการทำงานของรัฐบาลด้วย “ความคับแค้นใจ” จากปัญหาการเหยียดชนชั้น ดื้อรั้น และการปกครองด้วยระบอบนาซีใหม่ของรัฐ ในขณะที่ ผู้ประท้วงชาวไทยถูกกล่าวหาว่าเป็นพวกก่อการร้าย ที่สร้างความไม่สงบสุขแก่ประเทศ

นักการทูตของชาติตะวันตกออกมาสนับสนุนกลุ่มผู้ประท้วงที่ออกมาขับไล่รัฐบาลเพราะต้องการให้ยูเครนเข้าเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปว่า เป็นการเคลื่อนไหวตามระบอบประชาธิปไตยที่สามารถทำได้ และเตือนให้ประธานาธิบดียูโนโควิชอดกลั้นต่อเหตุการณ์ความไม่สงบอย่างถึงที่สุด อีกทั้งยังออกมากดดันให้มีการจัดการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ยุติธรรมต่อทุกฝ่ายอีกด้วย ซึ่งคาร์ตาลุคซีมีความเห็นว่า สิ่งนี้น่าจะเป็นกลยุทธ์ของประเทศตะวันตกที่ต้องการลดทอดความสำคัญของรัสเซียและต้องการเข้าไปลงทุนในยูเครนในอนาคต

แต่สำหรับประเทศไทย สื่อต่างชาติหลายสำนักออกมาประณามการประท้วงของผู้ชุมนุมหลายฉบับ อาทิ ไมเคิล เทิร์นเนอร์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ และประธานคณะอนุกรรมาธิการการทหาร ที่ส่งจดหมายเปิดผนึกถึงประธานาธิบดีโอบามา เรียกร้องให้สหรัฐฯ ออกมาสนับสนุนการเลือกตั้งในไทย รวมถึง เดอะ วอชิงตัน โพสต์ ที่เรียกกลุ่มผู้ชุมนุมว่า ม็อบข้างถนนที่การประท้วงลดความเป็นประชาธิปไตยในประเทศลง ซึ่งบิดเบือนจากจุดประสงค์ของกลุ่มผู้ชุมนุมที่ต้องการล้มล้างระบอบทักษิณ และให้นายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์รวมถึงพวกพ้องลาออกจากตำแหน่ง

ทั้งนี้ คาร์ตาลุคซี ได้ตั้งข้อสังเกตว่า รัฐบาลอดีตนายกทักษิณและยิ่งลักษณ์มีสัมพันธ์อันดีกับชาติตะวันตกยาวนานตั้งแต่ครั้งยังดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในประเทศไทย จึงทำให้สหรัฐอเมริกาและหลายชาติจะวันตกสนับสนุนรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ด้วยการประณามการกระทำของกลุ่มผู้ชุมนุมว่า เป็นการกระทำที่รุนแรงและไม่อาจยอมรับได้จากการบุกยึดสถานที่ราชการหลายแห่ง

ดังนั้น คาร์ตาลุคซี จึงสรุปว่า การแสดงออกสองมาตรฐานของชาติตะวันตกในวิกฤตการเมืองของยูเครนและไทยเป็นเพียงเล่ห์เหลี่ยมของประเทศในภูมิภาคนี้ที่พยายามปกป้องผลประโยชน์ของตนเองเท่านั้น จึงเกิดการลักหลั่นที่สหรัฐฯ สนับสนุนผู้ประท้วงในยูเครน โดยอ้างว่าเป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย ในขณะที่หนุนหลังรัฐบาลไทย โดยอ้างว่ากลุ่มผู้ชุมนุมลดทอนอำนาจอธิปไตยในประเทศและใช้ความรุนแรงในการประท้วง