สื่อเทศคาดรัฐบาลยิ่งลักษณ์เผชิญแรงกดดันหนัก

สื่อต่างประเทศเชื่อรัฐบาลยิ่งลักษณ์เผชิญแรงกดดันหนักจากม็อบบุกยึดกระทรวง แต่ฝั่งผู้ชุมนุมยังไม่มีแรงหนุนพอให้โค่นรัฐบาลลงได้อย่างรวดเร็ว

เว็บไซต์บลูมเบิร์กรายงานว่า การชุมนุมประท้วงและบุกยึดกระทรวงต่างๆ ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยขณะนี้ กำลังเพิ่มน้ำหนักต่อความพยายามขับไล่รัฐบาลนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร และล้มล้างระบอบทักษิณ ที่ยืดเยื้อมานานนับเดือน

ยิ่งลักษณ์และบรรดาสมาชิกพรรคเพื่อไทยยังต้องเผชิญศึกซักฟอกในการอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นเวลา 2 วัน ซึ่งเริ่มขึ้นตั้งแต่วันนี้ หลังจากที่พรรคฝ่ายค้านกล่าวหาว่ารัฐบาลพรรคเพื่อไทยทุจริตคอร์รัปชัน และพยายามผ่านกฎหมายเพื่อนิรโทษกรรมความผิดทั้งหมดให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ระหว่างที่เคยดำรงตำแหน่งอดีตนายกรัฐมนตรี โดยยิ่งลักษณ์ระบุว่า การชุมนุมประท้วงอาจกระทบต่อความเชื่อมั่นของประเทศและฉุดการเติบโตทางเศรษฐกิจ หลังจากที่ประเทศไทยเผชิญวิกฤตการณ์ทางการเมืองยืดเยื้อมานับตั้งแต่การรัฐประหารในปี 2006  

รายงานของบลูมเบิร์กยังระบุว่า รัฐบาลยิ่งลักษณ์ต้องพยายามควบคุมการชุมนุมบนท้องถนนที่เริ่มขึ้นตั้งแต่หลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลมาจากการความไม่พอใจต่อการพยายามผ่านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม และการแก้ไขรัฐธรรมนูญประเด็นที่มาของสมาชิกวุฒิสภา ก่อนที่การประท้วงจะบานปลายไปสู่การโค่นล้มเครือข่ายระบอบทักษิณในที่สุด

สุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำการประท้วงครั้งนี้ และอดีตรองนายกรัฐมนตรีที่มีส่วนร่วมในการสั่งสลายการชุมนุมนองเลือดเมื่อปี 2010 ได้ปลุกระดมให้มวลชนออกมารวมตัวกันและบุกยึดหน่วยงานต่างๆ ของรัฐบาล ในการแสดงพลังปฏิวัติของประชาชน ซึ่งในวันนี้การประท้วงยังคงแสดงออกในเชิงสัญลักษณ์กับการเดินหน้าบุกยึดหน่วยงานต่างๆ หลังจากที่ประเดิมบุกยึดกระทรวงการคลังไปเมื่อวานนี้

อย่างไรก็ดี ไมเคิล มอนเตซาโน นักวิชาการจากสถาบันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษาในสิงคโปร์ ให้ความเห็นว่า กลุ่มผู้ประท้วงยังไม่ได้มีแต้มต่อมากนัก เนื่องจากยังขาดแรงหนุนที่จะโค่นล้มรัฐบาลอย่างจริงจัง

“กลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงยังไม่มีกำลังหนุนพร้อมแรงปรารถนาและศักยภาพมากพอ ที่จะโค่นล้มรัฐบาลลงให้ได้อย่างรวดเร็ว และหากเกิดปัญหาไม่สามารถควบคุมม็อบได้จนขยายเป็นวงกว้าง เราก็จะได้เห็นว่าม็อบเหล่านี้จะยืนต่อไปได้อีกนานเท่าใด”มอนเตซาโน กล่าว

ทั้งนี้ สื่อด้านเศรษฐกิจชื่อดังยังให้ภาพรวมทางเศรษฐกิจของไทย ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตการณ์ทางการเมืองอันยืดเยื้อที่ปะทุขึ้นครั้งใหม่ว่า เฉพาะวันที่ 25 พ.ย. ซึ่งเกิดการบุกยึดกระทรวงการคลัง พร้อมม็อบดาวกระจาย 13 จุดทั่วกรุงเทพฯ ได้ส่งผลให้มีการถอนทุนออกจากตลาดหุ้นและตราสารหนี้ของไทยถึง 209 ล้านเหรียญสหรัฐ และทำให้มีการเทขายสุทธิในเดือนนี้รวม 2,300 ล้านเหรียญสหรัฐ ท่ามกลางดัชนีตลาดหุ้นไทยที่ร่วงลงไปแล้วถึง 7% ในเดือน พ.ย. นี้ หรือดิ่งลงต่ำสุดในเอเชียเป็นรองเพียงแค่ฟิลิปปินส์เท่านั้น