แนะเอเชียหาทุนหนุนศก.

กูรูชี้ดอกเบี้ยต่ำฉุดรายได้‘เอดีบี’ส่อกระทบการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน

รัฐมนตรีคลังอินเดีย เตือนโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเอเชียส่อสะดุดหลังเข้าถึงเงินทุนยากขึ้น

พาลาเนียปัน จิดัมบาราม รัฐมนตรีคลังอินเดีย ออกโรงเตือนว่าในช่วง 10 ปี ข้างหน้านี้ ภูมิภาคเอเชียเสี่ยงเผชิญอุปสรรคการเข้าถึงเงินทุนเพื่อลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งผู้เชี่ยวชาญคาดว่าจะมีมูลค่าสูงถึง 810 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 232-290 ล้านล้านบาท) และจำเป็นอย่างมากสำหรับการเติบโตทางเศรษฐกิจของแต่ละประเทศ

“เอเชียจำเป็นต้องเสาะหาแหล่งเงินทุนอื่นๆ มิฉะนั้นโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอาจเสี่ยงสะดุดลง” จิดัมบาราม ย้ำระหว่างการประชุมประจำปีของธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงนิวเดลีของอินเดีย เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

สำหรับในส่วนของเอดีบีนั้น รัฐมนตรีคลังอินเดีย เตือนว่า ทางธนาคารกำลังเผชิญปัญหาเงินทุน ซึ่งเป็นผลพวงจากรายได้ที่ลดลงภายหลังบรรดาธนาคารกลางประเทศเศรษฐกิจยักษ์ใหญ่ของโลก ต่างเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจจนฉุดอัตราดอกเบี้ยให้ลดต่ำลง

“เราอาจเจอทางตันทางการเงินภายใน 3 ปีข้างหน้า ซึ่งแน่นอนว่าจะกระทบมาตรการช่วยเหลือต่างๆ ของเอดีบีลง ไล่เรียงตั้งแต่มาตรการกำจัดปัญหาความยากจนไปจนถึงมาตรการช่วยพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ ในภูมิภาค” จิดัมบาราม ระบุ พร้อมเปิดเผยว่า ยอดปล่อยกู้ของเอดีบีจะลดลงจากเดิมที่ระดับ 1.01 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 2.92 แสนล้านบาท) ต่อปี เหลือ 8,000 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 2.32 แสนล้านบาท) ต่อปี สอดคล้องกับความเห็นของนายกรัฐมนตรี มันโมฮัน ซิงห์ ของอินเดีย ที่เสนอให้ทางธนาคารรวมทั้งสถาบันอื่นๆ หันไปเจาะเงินเก็บของชาติเอเชียแทน เพื่อนำมาใช้เป็นเงินทุนสำหรับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในภูมิภาค

ทั้งนี้ ในช่วงสัปดาห์เดียวกัน จู กวงเย่า รัฐมนตรีช่วยคลังของจีน กล่าวยืนยันภายหลังสิ้นสุดการประชุมรัฐมนตรีคลังชาติสมาชิกอาเซียนบวก 3 ว่า ปัจจุบันทางกลุ่มอาเซียนบวก 3 ยังไม่มีแผนการออกพันธบัตรเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานร่วมกัน โดยในเบื้องต้นนั้นจะเป็นเพียงการส่งเสริมการออกพันธบัตรของแต่ละประเทศเท่านั้น

“เราหวังว่าเราจะได้เห็นความคืบหน้าบ้างในปีหน้า และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ทุกๆ ฝ่าย โดยเฉพาะผู้ว่าการธนาคารกลางและรัฐมนตรีคลังของแต่ละประเทศ จะสนับสนุนโครงการดังกล่าว” จู กล่าว