posttoday

จารจารึกในหทัยกัมพูชา ‘เจ้าสีหนุ’ เอกกษัตริย์กู้ชาติผู้ยิ่งใหญ่

02 กุมภาพันธ์ 2556

นับเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้ชาวกัมพูชาทั้งประเทศหลั่งน้ำตาด้วยความเสียใจอย่างสุดซึ้ง

นับเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้ชาวกัมพูชาทั้งประเทศหลั่งน้ำตาด้วยความเสียใจอย่างสุดซึ้ง

โดย...ณัฐสุดา จิตตปาลพงศ์

นับเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้ชาวกัมพูชาทั้งประเทศหลั่งน้ำตาด้วยความเสียใจอย่างสุดซึ้ง เมื่อจำต้องถวายการอำลาแด่สมเด็จเจ้านโรดม สีหนุ อดีตกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งกัมพูชา ซึ่งเสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 15 ต.ค.ที่ผ่านมา

แม้เวลาจะผ่านไปร่วม 4 เดือน ทว่าความโศกเศร้าอาลัยยังคงปกคลุมประเทศกัมพูชา โดยขณะนี้พสกนิกรนับล้านคนจากทั่วสารทิศได้แห่กันมาที่กรุงพนมเปญ เพื่อเข้าร่วมพิธีเคลื่อนขบวนพระบรมศพสมเด็จเจ้านโรดม สีหนุ จากพระราชวังไปยังลานประกอบพิธี ซึ่งมีกำหนดพระราชพิธีถวายพระเพลิงในวันที่ 4 ก.พ.นี้

เรียกได้ว่า เป็นครั้งสุดท้ายที่ประชาชนชาวกัมพูชาจะมีโอกาสแสดงความเคารพต่อวีรกษัตริย์ ซึ่งเป็นที่รักยิ่งของพสกนิกรกัมพูชา ที่ต่างเคารพนับถือพระองค์เยี่ยง “วีรบุรุษ” เนื่องจากทรงเป็นพระมหากษัตริย์ผู้กอบกู้เอกราชจากฝรั่งเศส และที่สำคัญก็คือยังเป็นที่รักและเคารพในฐานะที่ทรงเป็น “พ่อแห่งแผ่นดิน” หลังทรงทุ่มเทพระวรกายตรากตรำและมุ่งมั่นบำบัดทุกข์ บำรุงสุขประชาชนกัมพูชา โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการศึกษาและสาธารณสุข

จารจารึกในหทัยกัมพูชา ‘เจ้าสีหนุ’ เอกกษัตริย์กู้ชาติผู้ยิ่งใหญ่

 

ทั้งนี้ สำหรับชาวกัมพูชาย่อมจดจำเรื่องราวเหล่านี้ได้ขึ้นใจด้วยภาคภูมิใจในพระปรีชาความสามารถอันแหลมคมของอดีตองค์พระประมุขของประเทศ ทว่าสำหรับคนไทยหลายๆ คนนั้น อาจไม่เคยทราบเรื่องราวเกี่ยวกับพระองค์เลย

งานนี้จึงขอย้อนรอยพระราชประวัติ ตลอดจนพระราชกรณียกิจที่สำคัญของสมเด็จเจ้านโรดม สีหนุ พระมหากษัตริย์แห่งราชอาณาจักรกัมพูชา

สมเด็จเจ้านโรดม สีหนุ ประสูติเมื่อวันที่ 31 ต.ค. 2465 ณ กรุงพนมเปญ ทรงเป็นพระราชโอรสองค์โตของเจ้านโรดม สุรามฤตและพระนางคชสมัค โดยพระองค์ทรงสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนทหารในฝรั่งเศส ก่อนที่จะทรงขึ้นครองราชย์เมื่อปี 2484 ขณะพระชนมายุเพียง 18 ชันษา หลังจากพระบาทสมเด็จพระสีสุวัตถิ์ มุนีวงศ์ พระอัยกา เสด็จสวรรคต

ผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์เล่าว่า สาเหตุที่พระองค์ได้ทรงขึ้นครองราชย์ก่อนพระราชบิดานั้น เป็นเพราะทางฝรั่งเศสซึ่งสมัยนั้น เข้ายึดกัมพูชาได้สำเร็จและแต่งตั้งเป็นเมืองอาณานิคม มองว่าพระองค์ทรงหัวอ่อนและน่าจะควบคุมได้ง่าย จึงได้สถาปนาพระองค์ขึ้นเป็นกษัตริย์

“พระองค์ไม่เคยทรงปรารถนาที่จะได้เป็นกษัตริย์เลย เพราะทรงสนพระทัยที่จะเป็นอาจารย์สอนวรรณคดี ทรงอยากสอนภาษาฝรั่งเศส ละติน กรีก มาก แต่ท้ายที่สุดก็ไม่มีทางเลือกนอกจากปฏิบัติหน้าที่และแสดงความรับผิดชอบที่พระองค์ทรงมีต่อประเทศ” เจ้าศรีสวัสดิ์ โทมิโก พระราชนัดดา สมเด็จพระนโรดม สีหนุ เปิดเผย

ด้านชาวกัมพูชาเองก็ไม่เคยทราบเรื่องราวเกี่ยวกับพระองค์เลย และแทบไม่มีใครคาดคิดว่า พระองค์จะทรงมีบทบาทอย่างยิ่งในการปฏิรูปประเทศครั้งสำคัญในเวลาต่อมา

เริ่มต้นที่การเรียกร้องเอกราชจากฝรั่งเศส โดยใช้นโยบายทางการทูต จนในที่สุดฝรั่งเศสซึ่งขณะนั้นกำลังทำสงครามอย่างดุเดือดกับเวียดนาม จำต้องยอมให้อิสรภาพแก่กัมพูชาในวันที่ 9 พ.ย. 2496 นับเป็นการปิดฉากการอยู่ภายใต้การปกครองของเมืองน้ำหอมนานเกือบ 100 ปี

ต่อมาพระองค์ทรงประกาศสละราชสมบัติ โดยยกให้พระราชบิดาขึ้นครองราชย์แทน เพื่อเปิดทางให้พระองค์สามารถเข้าไปมีบทบาททางการเมืองได้อย่างเต็มที่ ซึ่งนับว่ามีความหลากหลายมากถึงขนาดที่ “กินเนส เวิลด์ เรกคอร์ด” หนังสือบันทึกสถิติชื่อดัง ได้บันทึกให้พระองค์ทรงเป็นนักการเมืองที่ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมากที่สุดในโลกไล่เรียงตั้งแต่พระมหากษัตริย์ ประมุขแห่งรัฐระบอบการปกครองคอมมิวนิสต์ นายกรัฐมนตรี ตลอดจนกษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ

จารจารึกในหทัยกัมพูชา ‘เจ้าสีหนุ’ เอกกษัตริย์กู้ชาติผู้ยิ่งใหญ่

 

ในช่วงยุคทองของกัมพูชา (ทศวรรษ 50 60) ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ประเทศสงบสุขและประสบกับความเจริญรุ่งเรืองนั้น ชาวกัมพูชาได้มีโอกาสเห็นพระปรีชาความสามารถด้านดนตรีและภาพยนตร์ของพระองค์ โดยทรงกำกับและแสดงในภาพยนตร์หลายเรื่อง รวมทั้งทรงประพันธ์และแสดงดนตรีทั้งในภาษากัมพูชา ฝรั่งเศส และอังกฤษ

และที่สำคัญก็คือ ทรงมีบทบาทสำคัญในการประคับประคองประเทศให้เป็นหนึ่งเดียว ท่ามกลางสงครามเย็นที่ปะทุขึ้นในโลก และการแผ่ขยายอิทธิพลของลัทธิคอมมิวนิสต์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศเพื่อนบ้านอย่างเวียดนาม

“พระองค์ทรงมุ่งมั่นที่จะปกป้องรักษาดินแดนของกัมพูชา ซึ่งรวมถึงการสร้างพันธมิตรกับกลุ่มคน ซึ่งในภายหลังกลับหักหลังพระองค์” ฮูลิโอ เจลเดรส ผู้เขียนชีวประวัติสมเด็จพระนโรดม สีหนุ เผย

ในเบื้องต้นนั้น พระองค์ทรงประกาศตัวเป็นกลางและพยายามรักษาความสัมพันธ์อันดีที่ประเทศมีกับสหรัฐและจีนคอมมิวนิสต์ ทว่า จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นเมื่อนายพลลอนนอล ซึ่งสนับสนุนสหรัฐก่อการปฏิวัติ โค่นล้มอำนาจสมเด็จนโรดม สีหนุ พร้อมกับเปลี่ยนระบอบการปกครองประเทศเป็นสาธารณรัฐ ขณะที่พระองค์เสด็จพระราชดำเนินเยือนรัสเซีย ส่งผลให้จำเป็นต้องลี้ภัยไปยังประเทศจีน

โรเบิร์ต คาร์ไมเคิล นักข่าววอยซ์ ออฟ อเมริกา เปิดเผยว่า หลายฝ่ายได้เรียกร้องให้พระองค์สนับสนุนขบวนการคอมมิวนิสต์กัมพูชา ซึ่งเป็นกลุ่มที่พระองค์เคยให้ฉายาไว้ว่า กลุ่ม “เขมรแดง” และเคยเป็นอดีตศัตรูของพระองค์ในการโค่นล้มรัฐบาลนายพลลอนนอล จนในที่สุดกลุ่มขบวนการเขมรแดงก็ได้รับชัยชนะและขึ้นสู่อำนาจในปี 2518

อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นในยุคเขมรแดง เพราะพระองค์ทรงมีสถานะเป็นเพียงประมุข “ในนาม” เท่านั้น โดยกลายเป็นนักโทษถูกกักกันให้อยู่แต่ภายในพระราชวังที่ว่างเปล่าเป็นเวลานานถึง 4 ปี ขณะที่ประชาชนต้องเผชิญความโหดร้ายและความน่าสะพรึงกลัวของกลุ่มเขมรแดง

เหตุการณ์ดังกล่าวนับเป็นช่วงเวลาแห่งความมืดมนในประวัติศาสตร์กัมพูชา โดยที่พระองค์เองก็ทรงต้องสูญเสียพระราชโอรสและพระราชธิดาถึง 5 พระองค์ รวมทั้งพระราชนัดดา 13 พระองค์ ขณะที่ประชาชนเสียชีวิตมากถึง 1.8 ล้านคน

จารจารึกในหทัยกัมพูชา ‘เจ้าสีหนุ’ เอกกษัตริย์กู้ชาติผู้ยิ่งใหญ่

 

หลังจากที่กลุ่มเขมรแดงล่มสลาย สมเด็จเจ้านโรดม สีหนุ ได้ขึ้นครองราชย์เป็นประมุขของประเทศอีกครั้ง ทว่าต่อมาในปี 2547 ก็ทรงประกาศสละราชสมบัติให้แก่พระโอรส สมเด็จเจ้านโรดม สีหมุนี ด้วยเหตุผลทางด้านพระพลานามัย โดยเป็นที่ทราบกันดีว่า พระองค์ทรงมีพระพลานามัยที่ไม่แข็งแรง ทรงป่วยเป็นโรคมะเร็ง โรคหัวใจ เบาหวาน ตลอดจนความดันพระโลหิตสูง

ผู้เชี่ยวชาญประวัติศาสตร์ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า การสละราชสมบัติของสมเด็จเจ้านโรดม สีหนุ นั้น ถือเป็นก้าวสำคัญ เนื่องจากมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อรักษาราชวงศ์กัมพูชา และที่สำคัญคือ เพื่อสร้างเสถียรภาพให้กับประเทศ

“สมเด็จเจ้านโรดม สีหนุ ทรงสละราชสมบัติเพื่ออนาคตของราชวงศ์กัมพูชา ผมว่าพระองค์ทรงบรรลุเป้าหมายดังกล่าวได้สำเร็จแล้ว” เจ้าศรีสวัสดิ์ โทมิโก กล่าว

ในส่วนของพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพนั้น เจ้าศรีสวัสดิ์ โทมิโก แสดงความชื่นชมรัฐบาลและประชาชนกัมพูชา ที่สามารถเตรียมงานได้อย่างยิ่งใหญ่และสมพระเกียรติ พร้อมย้ำว่า กัมพูชาไม่เคยจัดงานถวายพระเพลิงพระบรมศพเช่นนี้มาก่อน ดังนั้นจึงสามารถตอกย้ำให้เห็นถึงพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์ทรงมีต่อกัมพูชา ตลอดจนความรักและความจงรักภักดีที่ประชาชนมีต่อพระองค์ได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว

“การเสด็จสวรรคตของพระองค์นับเป็นความสูญเสียของกัมพูชาทั้งประเทศ เพราะพระองค์เป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์กัมพูชาไปเสียแล้ว”

เรียกได้ว่าเป็นความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของกัมพูชา และเชื่อว่าประชาชนทั้งประเทศ ตลอดจนประชาคมโลกจะร่วมกันไว้อาลัยอดีตพระมหาราชาผู้ยิ่งใหญ่

แม้จะทรงจากไป แต่จะเป็นที่จดจำของชาวโลกตราบนานเท่านาน

 

ข่าวล่าสุด

LIVE ถ่ายทอดสด บุรีรัมย์ พบ การท่าเรือ ฟุตบอลไทยลีก วันนี้ 14 ธ.ค.68