เฟซบุ๊กป่วน!จีเอ็มประกาศถอดโฆษณา

จีเอ็มประกาศถอดโฆษณาในเฟซบุ๊กทั้งหมด ชี้ไม่ได้ผล เหตุผู้บริโภคเมิน ด้านสื่อมะกันเผยเฟซบุ๊กเพิ่มจำนวนหุ้นออกใหม่ (ไอพีโอ) อีก 85 ล้านหุ้น

เจนเนอรัล มอเตอร์ส (จีเอ็ม) บริษัทยานยนต์อันดับหนึ่งของสหรัฐ เปิดเผยว่า เตรียมถอนโฆษณาทั้งหมดออกจากเฟซบุ๊ก เครือข่ายสังคมออนไลน์ชื่อดัง เนื่องจากมองว่าการโฆษณาในเฟซบุ๊กมีผลต่อผู้บริโภคน้อยมาก โดยประกาศครั้งนี้มีขึ้นเพียงไม่กี่วันก่อนที่เฟซบุ๊กจะเปิดจำหน่ายหุ้นใหม่แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (ไอพีโอ) ในวันที่ 18 พ.ค.นี้

"เรากำลังปรับประเมินการโฆษณาในเฟซบุ๊ก แต่ก็จะยังคงใช้การตลาดในเฟซบุ๊กต่อไปโดยผ่านทางหน้าเฟซบุ๊ก (เพจ) ของบริษัทเรา” แพทริก มอริสซี โฆษกจีเอ็ม กล่าว โดยที่ผ่านมานั้นจีเอ็มได้ทุ่มค่าโฆษณาในเฟซบุ๊กมากถึง 10 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 310 ล้านบาท) และค่าการตลาดผ่านเฟซบุ๊กอีก 30 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 900 ล้านบาท)

การตัดสินใจครั้งนี้ของจีเอ็ม ซึ่งถือเป็นบริษัทที่ลงทุนด้านโฆษณามากที่สุดเป็นอันดับ 3 ของสหรัฐ ถือเป็นข่าวร้ายสำหรับเฟซบุ๊ก เนื่องจากมีขึ้นท่ามกลางความสงสัยของบรรดานักลงทุนว่าการโฆษณาผ่านเฟซบุ๊กนั้นได้ผลมากกว่าช่องทางปกติหรือไม่ แม้สมาชิกของเครือข่ายสังคมออนไลน์ชื่อดังจะใช้เวลาจำนวนมากบนเฟซบุ๊กก็ตาม

แลร์รี คิม เจ้าหน้าที่เทคนิคจากบริษัท เวิร์ดสตรีม ซึ่งเป็นบริษัทผู้เชี่ยวชาญการตลาดออนไลน์ มองว่า ที่ผ่านมาเฟซบุ๊กไม่ให้ความสนใจกับการพัฒนาด้านโฆษณาเท่าที่ควร ซึ่งสวนทางกับการเติบโตอย่างรวดเร็วของบริษัท

นอกจากนี้ ข่าวดังกล่าวยังมีขึ้นเพียงไม่กี่วันก่อนหน้าที่เฟซบุ๊กจะเปิดขายหุ้นไอพีโอครั้งแรก ซึ่งล่าสุดนั้นมีรายงานว่าบริษัทจะเพิ่มจำนวนหุ้นออกใหม่อีก 85 ล้านหุ้น เพื่อให้เพียงพอกับความต้องการของสาธารณชน โดยจะมีการขายหุ้นทั้งหมด 422 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 34-38 เหรียญสหรัฐ ซึ่งอาจทำให้เฟซบุ๊กระดมทุนได้มากถึง 9.3 หมื่น-1.04 แสนล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 2.79-31.2 ล้านล้านบาท) ในการเปิดขายหุ้นครั้งนี้ขึ้นแท่นการเปิดขายหุ้นไอพีโอมูลค่าสูงสุดเป็นอันดับ 3 ของสหรัฐตามหลังการเปิดขายหุ้นไอพีโอของวีซ่าและจีเอ็ม

วันเดียวกัน เอเอฟพีรายงานว่า เอ็ดวาร์โด ซาเวอริน ผู้ร่วมก่อตั้งเฟซบุ๊ก จะปักหลักอาศัยอยู่ในสิงคโปร์ต่อไป หลังตัดสินใจสละสัญชาติอเมริกันเมื่อปีก่อน

ทั้งนี้ หลายฝ่ายคาดว่า สาเหตุที่ซาเวอรินสละสัญชาติอเมริกันนั้นก็เพื่อเลี่ยงภาษีสำหรับผู้มีรายได้สูง เนื่องจากการเปิดขายหุ้นไอพีโอของเฟซบุ๊กอาจส่งผลให้มูลค่าหุ้นของซาเวอริน ซึ่งมีหุ้นอยู่ราว 4% สูงขึ้นถึง 3,840 ล้านเหรียญสหรัฐ