posttoday

เจมส์ คาเมรอนผู้กำกับคนเหล็กระดับโลก

21 กุมภาพันธ์ 2553

ประวัติ

เจมส์ ฟรานซิส คาเมรอน (James Francis Cameron) เกิดเมื่อวันจันทร์ที่ 16 ส.ค. ปีค.ศ. 1954 ในเมืองคาปัสเคซิง (Kapuskasing) เมืองริมแม่น้ำชื่อเดียวกันในรัฐออนตาริโอ ประเทศแคนาดา พ่อของเขาคือ ฟิลิป (Philip) คาเมรอน วิศวกรไฟฟ้า และแม่คือ เชอร์ลีย์ (Shirley) คาเมรอน นางพยาบาลและจิตรกร ครอบครัวของเขาเดินทางข้ามพรมแดนแคนาดามายังลงหลักปักฐานในฝั่งสหรัฐตั้งแต่ปีค.ศ. 1971 การย้ายบ้านครั้งแรกย้ายมาจากบ้านเกิดมาอยู่บริเวณน้ำตกไนแองการา ก่อนที่ต่อมาจะย้ายไปแถบเมืองเบรีย รัฐแคลิฟอร์เนีย

เจมส์ หรือที่พ่อแม่เรียกว่า จิม สนใจเกี่ยวกับเรื่องดาราศาสตร์ตั้งแต่ยังเด็ก นอกจากจะชอบอ่านหนังสือนวนิยายแนววิทยาศาสตร์ไซไฟแล้ว เขายังฉายแววการเป็นนักเขียนเปี่ยมจินตนาการด้วยการลงมือเขียนเรื่องสั้นของตัวเองหลายเรื่อง เนื้อหาส่วนใหญ่เป็นแนววิทยาศาสตร์ผจญภัยที่เขาชื่นชอบ ความที่คาเมรอนเป็นนักอ่านตัวยง ทำให้เขาดูมี ความคิดความอ่านเป็นผู้ใหญ่มากกว่าเด็กในวัยไล่เลี่ยกัน ความรู้ที่ได้จากหนังสือทำให้เขาสามารถย้ายห้องไปเรียนกับเด็กที่อายุมากกว่าได้ในชั้นเรียนที่สูงขึ้นหลังจากเข้าโรงเรียนได้ไม่นาน

เมื่ออายุได้ 9 ขวบ สมัยที่ภาพยนตร์เรื่อง คิงคองปะทะก๊อดซิลล่า (King Kong vs. Godzilla) ออกฉาย ในช่วงต้นทศวรรษที่ 1960 คาเมรอนก็กลายมาเป็นแฟนคลับภาพยนตร์เรื่องนี้และเริ่มให้ความสนใจในการสร้างหนัง และฝังใจมากจนถึงขั้นเอาไปคุยโม้โอ้อวดกับเพื่อนร่วมชั้นว่าสักวันหนึ่งตัวเขาเองจะทำหนังที่ดียิ่งกว่าหนังเรื่องนี้ให้ได้

ในช่วงเวลาเดียวกันนี้เองที่คาเมรอนเริ่มประดิษฐ์จรวดและเครื่องบินหลากรุ่นหลายยี่ห้อจากเศษขยะเหลือใช้ที่บ้าน ก่อนที่งานอดิเรกนี้จะกลายเป็นความหลงใหลในการต่อโมเดลสำเร็จรูปที่ช่วยฝึกทักษะการทำงานฝีมือให้กับคาเมรอนจนกลายมาเป็นงานที่เขาถนัดและทำได้ดีเยี่ยมจนสามารถนำมาใช้ประกอบการจัดฉากถ่ายทำหนังได้ในเวลาต่อมา

คาเมรอนเริ่มจับกล้องถ่ายภาพยนตร์ครั้งแรกหลังจากที่เขาได้ชมภาพยนตร์สุดคลาสสิกตลอดกาล 2001 : A Space Odyssey ของผู้กำกับมือตำนานอย่าง สแตนลีย์ คูบริก ที่ออกฉายในปีค.ศ. 1968 คาเมรอนไปนั่งเฝ้าหน้าจอชมหนังเรื่องนี้ไม่ต่ำกว่า 10 รอบ และออกอาการอยู่ไม่สุขจนต้องหยิบกล้องรุ่น Super8 ของพ่อออกมาลองถ่าย

หลังจบมัธยมปลาย คาเมรอนได้รับอิทธิพลจากอาชีพวิศวกรของพ่อชักนำเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย (California State University) ที่ฟูลเลอร์ตัน (Fullerton) สาขาฟิสิกส์ แต่เรียนอยู่ได้เพียงปีเดียว คาเมรอนก็ไปพบรักกับ ชารอนวิลเลียมส์ (Sharon Williams) สาวน้อยพนักงานเสิร์ฟในร้านอาหาร และทั้งคู่ตกลงปลงใจแต่งงานกัน คาเมรอนลาออกจากมหาวิทยาลัยและกลายมาเป็นชนชั้นแรงงานอย่างเต็มตัว เพราะต้องออกมาทำงานทุกอย่างที่หาได้เพื่อเลี้ยงดูตัวเองและภรรยาสาว

ช่วงแรกๆ เขาเป็นคนขับรถบรรทุกที่ชอบใช้เวลาว่างในการสูบกัญชาและนั่งฝันกลางวัน จนกระทั่งเมื่อปีค.ศ. 1977 Star Wars ของ จอร์จลูคัส พ่อมดแห่งโลกภาพยนตร์ออกฉาย ทำให้คาเมรอนเริ่มตระหนักได้ว่า เขายังมีความฝันในชีวิตและความฝันนั้นก็คือการทำภาพยนตร์ของตัวเอง

หลังจากนั้นเขาหันหลังให้กับงานที่ทำอยู่แล้วย้ายมาใช้ชีวิตในเมืองใหญ่อย่างลอสแองเจลิส และเข้าทำงานในวงการภาพยนตร์เพื่อเป็นการปูทางไปสู่อาชีพผู้กำกับ และหนังเรื่องแรกที่คาเมรอนชิมลางในฐานะคนทำหนังคือ Xenogenesis (1978) หนังสั้นความยาว 12 นาที ที่ผู้กำกับหน้าใหม่แสดงฝีมือในการสร้างสรรค์เทคนิคในการทำสเปเชียล เอฟเฟกต์อย่างอลังการ ในขณะที่เขาเองก็ตระหนักได้ว่าตนยังมีข้อด้อยเกี่ยวกับทักษะในการทำหนังมากมาย ไม่ว่าจะเป็นโครงเรื่อง ตัวละคร และบทภาพยนตร์ซึ่งยังอ่อนประสบการณ์อยู่มาก อย่างไรก็ดี หนังสั้นเรื่องนี้ทำให้คาเมรอนได้งานในบริษัท นิว เวิลด์พิกเจอร์ส (New World Pictures) ของ โรเจอร์ คอร์แมน (Roger Corman) แม้นิว เวิลด์ พิกเจอร์ส จะเป็นเพียงบริษัทเล็กๆ ที่สร้างหนังต้นทุนต่ำ แต่ก็เป็นหนังในแนวที่คาเมรอนชอบและกลายเป็นแหล่งฝึกปรือวิทยายุทธ์การทำหนังชั้นเยี่ยม

ภาพยนตร์ขนาดยาวเรื่องแรกที่คาเมรอนกำกับอย่างเต็มตัวและลงมือเขียนบทด้วยตัวเองคือ Piranha Part Two : The Spawning ที่ออกมาในปีค.ศ. 1981 ซึ่งไม่ได้สร้างประสบการณ์การทำหนังเรื่องแรกที่น่าประทับใจนัก เพราะในระหว่างการถ่ายทำ นอกจากจะต้องจัดการกับต้นทุนที่มีอยู่น้อยนิด การทำงานกับลูกทีมที่พูดแต่ภาษาอิตาเลียนก็ทำให้เกิดความเข้าใจผิดพลาดกันจนทำให้เขาในฐานะผู้กำกับมือใหม่หงุดหงิดอยู่ตลอดเวลา แต่ที่แย่ที่สุดและคาเมรอนทำใจได้ยากที่สุดคือความจริงที่ว่า หนังเรื่องนี้ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง

ฝันร้ายจากการสร้างหนังเรื่องแรกที่ตามมาหลอกหลอนทำให้เขาจินตนาการถึงหุ่นยนต์นักฆ่าที่มาจากอนาคต จนนำไปสู่การเขียนบทหนังคนเหล็ก (The Terminator) ที่ร่วมกันเขียนบทกับ เกล แอน เฮิร์ด (Gale Anne Hurd) หัวหน้าฝ่ายการตลาดสาวของบริษัท นิว เวิลด์ พิกเจอร์ส ซึ่งเริ่มทำความรู้จักสนิทสนมกัน เธอซื้อบทหนังเรื่องนี้ไปในราคา 1,000 เหรียญสหรัฐ และรับหน้าที่เป็นผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ให้โดยมีเงื่อนไขจากผู้เขียนบทร่วมว่า เขาจะต้องได้นั่งเก้าอี้ผู้กำกับ และในที่สุดหนังต้นทุน 6.5 ล้านเหรียญสหรัฐ เรื่องนี้ได้พระเอกหนุ่มนักกล้ามแห่งยุค อาร์โนลด์ ชวาร์เซเนกเกอร์ (Arnold Schwarzenegger) มารับบทเครื่องจักรนักฆ่าซึ่งกลายมาเป็นการแจ้งเกิดอย่างสวยหรูให้กับอาชีพนักแสดงของเขาเอง เมื่อคนเหล็กออกฉาย เฉพาะฝั่งอเมริกาเองก็กวาดไปได้ถึง 38 ล้านเหรียญสหรัฐ และทั่วโลกอีกกว่า 78 ล้านเหรียญสหรัฐ ที่น่าปลื้มใจแทนผู้สร้างและผู้กำกับก็คือ ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่เพียงทำรายได้งดงามในอันดับหนังทำเงินเท่านั้น แต่ยังได้รับคำชมจากนักวิจารณ์ภาพยนตร์หลายสาขา หลายคนถึงกับยกย่องว่าหนัง คนเหล็ก ภาคแรกนี้ถือเป็นการเปิดศักราชใหม่ของภาพยนตร์แอคชั่นเลยทีเดียว

ด้วยจินตนาการอันบรรเจิดและพรสวรรค์ในการเขียน คาเมรอนเขียนบทภาพยนตร์ขึ้นมาหลายเรื่องแต่ไม่ได้กำกับด้วยตัวเอง หนึ่งในภาพยนตร์ที่เขาเขียนขึ้นจำนวนนั้นได้แก่ บทภาพยนตร์เรื่องแรมโบ 2 (Rambo : First Blood II) ที่ออกฉายในปีค.ศ. 1985 ซึ่งเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับทหารผ่านศึกในสงครามเวียดนามชื่อ จอห์น แรมโบ (รับบทโดย ซิลเวสเตอร์ สตาลโลน) ที่ถูกปล่อยตัวออกจากเรือนจำกลางสหรัฐและถูกส่งตัวกลับไปยังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อช่วยชีวิตเชลยสงครามกลุ่มหนึ่ง ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นที่ถูกอกถูกใจคอหนังแอคชั่นเป็นพิเศษ

หนึ่งปีต่อมา เจมส์ คาเมรอน กลับมานั่งแท่นผู้กำกับหนังเรื่องที่ตัวเองเขียนบทเองอีกเรื่อง เอเลียน ภาค 2 (Alien 2) หนังไซไฟสยองขวัญภาคต่อจากหนังภาคแรกที่ออกฉายในปีค.ศ. 1979 กำกับโดยริดเลย์ สกอต (Ridley Scott) คาเมรอนประทับใจหนังเรื่องนี้เป็นการส่วนตัว สำหรับเขาแล้ว นี่คือหนังไซไฟสยองขวัญที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา แต่ด้วยความที่มันเป็นหนังที่หลายคนเอาขึ้นหิ้งไว้ด้วยความ สมบูรณ์แบบในตัวหนังเอง ผู้ใหญ่ในค่ายทเวนตี้ เซ็นจูรี่ ฟ็อกซ์ ก็เลยออกอาการลังเลที่จะให้มีการทำภาคต่อ คาเมรอนอาศัยใจรักในหนังและความมุ่งมั่นเต็มเปี่ยมที่จะสร้างต่อ ชักจูงบอร์ดผู้บริหารจนได้รับไฟเขียวอนุญาตให้เปิดกล้องถ่ายทำหนังเอเลียน ภาค 2 ออกมาในวงเงิน 18 ล้านเหรียญสหรัฐ ได้หนังความยาว 137 นาที ที่เล่าเรื่องจาก เอเลน ริพลีย์ (Ellen Ripley) ตัวละครหญิงเพียงหนึ่งเดียวที่รอดชีวิตมาจากหนังภาคแรก รับบทโดยซิกอร์นีย์ วีเวอร์ (Sigourney Weaver) ซึ่งได้รับการเสนอชื่อเข้ารับรางวัลออสการ์สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม และหนังเอเลียน 2 ก็ และคว้า 2 รางวัลออสการ์มาได้ในสาขาการตัดต่อเสียงและภาพยอดเยี่ยม พร้อมด้วยรายได้จากการเข้าฉาย 131 ล้านเหรียญสหรัฐ

ด้วยภาพยนตร์ทำเงิน 2 เรื่องที่โกยเงินในบอกซ์ออฟฟิศ และรางวัลออสการ์สองตัวเป็นเครื่องรับประกัน ชื่อของเจมส์ คาเมรอน กลายเป็นผู้กำกับหนังมือทองที่หลายๆ ค่ายหนังให้ความสนใจทาบทามมากำกับหนัง แต่คาเมรอนก็ดึงดันจะสร้างหนังที่เขียนเอง กำกับเอง ในแนวที่ตัวเองถนัด The Abyss (หรือชื่อภาษาไทย พลิกตำนานรักใต้ทะเลลึก) เป็นหนังเขย่าขวัญสไตล์คาเมรอนที่ออกมาฉายในปีค.ศ. 1989 โดยมีฉากของเรื่องที่ได้แรงบันดาลใจมาจากโลกลี้ลับใต้สมุทร หนังมีความยาว 146 นาที ใช้ทุนสร้าง 40 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่รายได้เปิดตัวบนตารางบอกซ์ออฟฟิศได้เพียง 54 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่น่าผิดหวังมากสำหรับมือผู้กำกับระดับเจมส์ คาเมรอน

ในปีค.ศ. 1990 เจมส์ คาเมรอน ตัดสินใจตั้งบริษัทของตัวเอง เขาร่วมมือกับ แลร์รี คาซานอฟฟ์ (Larry Kasanoff) อดีตเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตของบริษัท เวสตรอน (Vestron) จัดตั้งบริษัทผลิตภาพยนตร์ชื่อไลต์สตอร์ม เอนเตอร์เทนเมนต์ (Lightstorm Entertainment) ซึ่งมีข้อตกลงเบื้องต้นว่าผู้กำกับจะมีอิสระมากขึ้นในการสร้างหนัง

ในปีค.ศ. 1991 หนังเรื่องแรกที่ผลิตออกมาจากบริษัทใหม่คือภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ที่เป็นภาคต่อของคนเหล็ก ที่แฟนหนังตั้งหน้าตั้งตารอชม คราวนี้คาเมรอนไม่ได้แสดงฝีมือการเขียนบทเอง แต่ยกหน้าที่นี้ให้ วิลเลียม วิชเชอร์ จูเนียร์ (William Wisher Jr.) และอำนวยการสร้างโดย เกล แอน เฮิร์ด อดีตภรรยา และได้ อาร์โนลด์ ชวาร์เซเนกเกอร์ ดาราคู่บุญมารับบทเครื่องจักรนักฆ่าจากอนาคตตามคำเรียกร้องของผู้ชม Terminator 2 : Judgment Day ที่คาเมรอนให้คำจำกัดความว่าเป็นหนังรุนแรงที่เกี่ยวกับสันติสุขของโลกกลับมากู้ชื่อเสียงเจมส์คาเมรอน ในฐานะผู้กำกับอีกครั้ง หนังประสบความสำเร็จสุดยอดไปกับเทคนิคพิเศษ และเนื้อหาตื่นเต้นเร้าใจผู้ชม จากทุนสร้าง 102 ล้านเหรียญสหรัฐ ภาพยนตร์เรื่องนี้โกยรายได้ไป 204 ล้านเหรียญสหรัฐ เฉพาะในตารางบอกซ์ออฟฟิศ เมื่อรวมรายได้ทั่วโลกรับไปเต็มเม็ดเต็มหน่วย 519 ล้านเหรียญสหรัฐ ก่อนที่จะคว้ารางวัลออสการ์ได้มากถึง 4

ข่าวล่าสุด

"พลังงาน" สั่งเข้ม! ตรวจสอบปริมาณส่งออกน้ำมัน ทางบก-เรือ พร้อมร่วมมือกองทัพสกัดลักลอบส่งน้ำมันเข้ากัมพูชา