posttoday

กสิกรแนะโยกเข้ากองเสี่ยงต่ำ

27 สิงหาคม 2558

บลจ.กสิกรไทย แนะชะลอลงทุนเพิ่ม โยกเงินไปลงทุนกองทุนเสี่ยงต่ำ เลี่ยงความผันผวน

บลจ.กสิกรไทย แนะชะลอลงทุนเพิ่ม โยกเงินไปลงทุนกองทุนเสี่ยงต่ำ เลี่ยงความผันผวน

นายพงศ์พิเชษฐ์ นานานุกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย เปิดเผยว่า แนะนำให้นักลงทุนทั้งระยะสั้นและระยะยาว ชะลอการลงทุนเพิ่ม เพื่อประเมินสถานการณ์และรอให้ภาวะตลาดมีความชัดเจนมากขึ้นก่อน โดยเฉพาะหลังการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในเดือน ก.ย. ซึ่งยังมีความไม่แน่นอนในการปรับขึ้นดอกเบี้ย

“นักลงทุนที่ไม่สามารถรับความผันผวนได้ อาจมีการสับเปลี่ยนเข้าไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ เช่น กองทุนตลาดเงิน กองทุนตราสารหนี้ หรือกองทุนผสม แต่ถ้าสามารถรับความผันผวนได้ แนะนำให้ถือต่อไปก่อนเพื่อรอดูสถานการณ์”นายพงศ์พิเชษฐ์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม นายพงศ์พิเชษฐ์ กล่าวว่า แม้ บลจ.กสิกรไทย จะปรับเป้าหมายดัชนีหุ้นไทยปลายปีนี้ลงมาอยู่ที่ 1,400-1,450 จุด แต่ปัจจุบันราคาหุ้นลงมาอยู่ในระดับต่ำ จึงสามารถเข้าสะสมเพื่อการลงทุนในระยะยาวได้ โดยเฉพาะกองทุนหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ที่มี นโยบายลงทุนในหุ้นไทย

“การที่ตลาดปรับตัวลงอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา มาจากแรงขายทำกำไรของนักลงทุน หลังการประกาศตัวเลขดัชนีภาคการผลิตของจีนประจำเดือน ส.ค. ที่ออกมาต่ำสุดในรอบเกือบ 6 ปีครึ่ง รวมถึงตัวเลขเศรษฐกิจอื่นๆ ที่อยู่ในระดับต่ำต่อเนื่อง ทำให้เกิดความวิตกว่าเศรษฐกิจจีนได้เข้าสู่ภาวะชะลอตัวอย่างรุนแรง”นายพงศ์พิเชษฐ์ กล่าว

นอกจากนี้ ยังมี 2 ปัจจัยหลักมาเป็นส่วนประกอบ ได้แก่ ปัจจัยเรื่องความกังวลต่อภาวะความผันผวนของตลาดที่จะเพิ่มขึ้น หากเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และปัจจัยความกังวลเรื่องการอ่อนค่าของสกุลเงินในเอเชีย รวมถึงประเทศเกิดใหม่ตามทิศทางค่าเงินของจีน ทำให้นักลงทุนกังวลและลดการถือครองสินทรัพย์เสี่ยง

นายพงศ์พิเชษฐ์ กล่าวอีกว่า สถานการณ์ต่อจากนี้ไปคาดว่าตลาดในภาพรวมจะยังคงมีความผันผวนอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจัยที่จะส่งผลกระทบ คือ โอกาสในการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดในเดือน ก.ย.

“หลังจากเหตุการณ์ความไม่แน่นอนของตลาดการเงินโลกดังกล่าว ทำให้นักลงทุนมีการปรับลดโอกาสการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดลดลงจาก 50% ในสัปดาห์ก่อนหน้ามาอยู่ที่ 33%”นายพงศ์พิเชษฐ์ กล่าว

ทั้งนี้ รวมถึงต้องติดตามผลจากการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งล่าสุดของทางการจีน ว่าตลาดจะตอบรับในเชิงบวกมากแค่ไหน เนื่องจากที่ผ่านมาการดำเนินนโยบายผ่อนคลายเศรษฐกิจและลดอัตราดอกเบี้ยลงต่อเนื่อง ยังถือว่าไม่ได้มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร

นอกจากนี้ นักลงทุนยังไม่มั่นใจต่อประสิทธิภาพของมาตรการจีนในหลายด้าน เช่น การเข้าไปแทรกแซงตลาดหุ้นที่ร้อนแรง การอัดฉีดเม็ดเงินเข้าระบบเพื่อเพิ่มสภาพคล่อง และการปรับลดค่าเงินหยวน ทำให้ตลาดกังวลถึงความชัดเจนของนโยบายภาครัฐ

ข่าวล่าสุด

คนละครึ่งพลัส หนุน “พาสต้า บ่? - มีลาภ อุบลฯ" ยอดขายพุ่ง แชมป์ร้านต่างจังหวัดขายดี