posttoday

"วาตารุ เอ็นโดะ" จากนักเตะต้นทุนต่ำ สู่แข้ง"ไฮเอนด์"ของลิเวอร์พูล

27 กุมภาพันธ์ 2567

ชื่อของ วาตารุ เอ็นโดะ กองกลางทีมชาติญี่ปุ่น คือคนที่แฟนหงส์แดงกำลังคลั่งไคล้หลังจากช่วยทีมจนได้แชมป์คาราบาว คัพ แต่ด้วยความเป็นชาวเอเชียเขาเคยถูกแฟนหงส์ตั้งคำถามมาแล้วว่าจะไปรอดหรือไม่ แต่เอ็นโดะก็ใช้ฝีเท้าพิสูจน์ตัวเองว่าคือของจริงไม่ใช่ย้ายมาเพื่อการตลาด

ชื่อของวาตารุ เอ็นโดะ ไม่ใช่ตัวเลือกแรกที่เจอร์เกน คล็อปป์ อยากได้มาร่วมทีม เพราะเมื่อต้นฤดูกาล คล็อปป์ เล็งมอยเซส ไคเซโด้ และ ลาเวีย ซึ่งสุดท้ายทั้ง 2 คนปฏิเสธ ลิเวอร์พูล และย้ายไปอยู่เชลซีทั้งคู่

ทำให้คล็อปป์ และยอร์ก ชมัดท์เค ผู้อำนวยการสโมสร เลือกจิ้มไปที่ วาตารุ เอ็นโดะ กะปตันทีมชาติญี่ปุ่นมาด้วยค่าตัว  12 ล้านปอนด์ 

การได้เอ็นโดะช่วงแรก แฟนหงส์แทบจะร้องยี้เพราะพวกเขาอยากได้ (ผู้เล่นหมายเลข 6)กลางตัวรับแบบธรรมชาติอย่าง  ไคเซโด้ และ ลาเวีย มากกว่า และปรามาสว่า นักเตะเอเชียไม่น่าจะทานความแข็งแกร่งในลีกที่โหดหินอย่างพรีเมียร์ลีกได้
 

วาตารุ เอ็นโดะ ย้ายมาร่วมทีมลิวเอร์พูลด้วยเครื่องหมายคำถามมากมายจากกองเชียร์

ยิ่งผลงานของทาคูมิ มินามิโนะ ดาวเตะญี่ปุ่นอีกคน ที่เคยอยู่ลิเวอร์พูลและไม่ได้เป็นตัวหลักของทีม ยิ่งทำให้คนทั่วไปเชื่อว่า เอ็นโดะ คงมาเป็นแค่อะไหล่สำรองเท่านั้น

แต่เจอร์เก้น คล็อปป์ และทีมงานกางสถิติผลงานของเอ็นโดะให้ดูในช่วงที่เขาค้าแข้งในบุนเดสลีกา เยอรมัน กับสตุ๊ตการ์ตอยู่ 4 ฤดูกาลว่า นี่คือผู้เล่นที่มีสถิติเข้าปะทะดีลำดับต้นๆของฟุตบอลเยอรมัน

"ตอนที่ผมเจอ เอ็นโดะ ครั้งแรกเขาพาร่างกายที่แข็งแรงบึกบึนมา เขามีกล้ามเนื้อที่น่าทึ่งมากๆ" เจอร์เก้น คล็อปป์ พูดถึงเอ็นโดะ

แต่ปัญหาสำหรับเอ็นโดะก็ไม่ต่างอะไรจากนักเตะเอเชียในสโมสรใหญ่ คือเข้ามาเพื่อตีตลาดการค้ากับชาวเอเชีย ทั้งการขายเสื้อ ลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด สินค้าต่างๆของลิเวอร์พูลที่มีแบรนด์ไนกี้ พ่วงไปด้วยได้รับอานิสงค์จากแฟนหงส์ชาวเอเชียเต็มๆ

ส่วนปัญหาในสนามของกองกลางเลือดซามูไรรายนี้คือความเร็ว การปรับตัวให้เข้ากับการเล่นที่รวดเร็วแบบหายใจไม่ทันของฟุตบอลอังกฤษ ด้วยความที่เป็นนักฟุตบอลรูปร่างเล็กแถมไม่ได้มีความเร็ว ทำให้การปรับตัวของเขาในช่วงแรกมีปัญหา

เจ้าตัวใช้เวลาไม่นานในการปรับตัวและเป็นตัวหลัก
 

แต่การปรับตัวของเขาเกิดขึ้นเร็วกว่า "มินามิโนะ" หลังจากนั้นไม่นานเอ็นโดะก็ค่อยๆเข้ากับระบบและกลืนมาอยู่ในทีม เป็นตัวหลักของลิเวอร์พูลนับจากย้ายมาร่วมทีมช่วงเดือนสิงหาคม 2566 

“ตูลูสคือฟอร์มที่ดีที่สุดของผมกับลิเวอร์พูลจนถึงตอนนี้” เอ็นโดะ กล่าวกับ Liverpoolfc.com หลังจากเขาระเบิดฟอร์มการเล่นสุดยอดออกมาหลังปรับตัวเข้ากับทีมได้

“ผมสามารถพัฒนามากกว่านี้ได้ แต่ตอนนี้เพื่อนร่วมทีมรู้จักผมแล้ว และวิธีที่ผมเล่นในสนาม และผมก็รู้ว่าพวกเขาเล่นอย่างไรเช่นกัน” มันเป็นเกมที่ดีมาก และผมรู้สึกสบายใจมากขึ้นในการเล่น”

“ถ้าผมเล่นได้ดีต่อไป ผมจะมีโอกาสเล่นมากขึ้นจากมุมมองของผมมันพัฒนาไปได้อีกแน่ แค่พยายามทำงานหนักต่อไป”

ด้วยร่างกายที่มีแต่กล้ามเนื้อเอ็นโดะเอาตัวรอดในลีกอังกฤษสบายๆ

อีกส่วนหนึ่งที่ทำให้เขาปรับตัวเข้ากับลิเวอร์พูลได้เร็วในวิถีใหม่ในอังกฤษ เอ็นโดะ ใช้ช่วงว่างไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์เดอะบีเทิลส์ ไปเที่ยวผับ The Cavern (ผับที่วง เดอะ บีทเทิลส์เล่นสมัยยังไม่โด่งดัง) ทำให้เขาได้นำเรียนรู้แนวคิดเชิงวัฒนธรรมของเมือง

“อันที่จริงผมไม่รู้ว่า The Beatles มาจากลิเวอร์พูลนะ แต่ผมเคยฟังเพลงของ The Beatles เพราะอาจารย์ผมเขาเป็นแฟนตัวยงและเปิด The Beatlesให้ฟัง ก่อนเข้าเรียน" เอ็นโดะเสริม

“ดังนั้นผมจึงรู้จักเพลงของเดอะบีเทิลส์สองสามเพลง และ Let It Be คือเพลงที่ผมชอบ”

นั่นคือบทสัมภาษณ์ของเอ็นโดะเมื่อช่วงเดือนตุลาคม จนมาถึงเกมนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลคาราบาว คัพ เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 25 ก.พ.67 ที่ผ่านมา มิดฟลิด์วัย 31 ปีรายนี้วิ่งดักตัดเกมคุมจังหวะทั้ง 120 นาที คอยประคองน้องๆเยาวชนร่วมกับเฟอร์จิล ฟาน ไดจ์ค จนลิเวอร์พูลได้แชมป์ไปครอง

เมื่อมองไปที่ความเป็นชาวเอเชียของเอ็นโดะแล้ว ช่วงที่เขาย้ายมาใหม่ๆแทบไม่มีใครมองเรื่องอื่นนอกจากมาเพื่อการตลาด แต่เมื่อมาแล้วพิสูจน์ตัวเองว่าเจ๋งพอ เอ็นโดะ จึงเป็นตัวหลักสำคัญที่ลิเวอร์พูลขาดไม่ได้ไปแล้ว

เพราะด้วยค่าตัวเพียง 12 ล้านปอนด์ เขาพิสูจน์ตัวเองแล้วว่าคุ้มค่าทุกปอนด์ที่ทีมหงส์แดงซื้อเขาเข้ามา การได้แชมป์คาราบาว คัพ คือการนับ 1 เพราะเหลืออีก 3 รายการอย่างพรีเมียร์ลีก , เอฟเอ คัพ และ ยูโรปา ลีก ที่เอ็นโดะยังสามารถพาทีมไปถึงแชมป์ได้อีก

\"วาตารุ เอ็นโดะ\" จากนักเตะต้นทุนต่ำ สู่แข้ง\"ไฮเอนด์\"ของลิเวอร์พูล