"ยาเขียวเหลือง" สูตร 4x100 มรณะ! คร่าชีวิตวัยรุ่นไทย เรื้อรังยาวนาน
ผู้ปกครองระวัง! อันตรายถึงชีวิต "ยาเขียวเหลือง" สูตร 4x100 ระบาดในกลุ่มวัยรุ่นเรื้อรังยาวนาน "กดประสาท" สู่ภาวะ "หัวใจวายเฉียบพลัน"
"ยาทรามาดอล" หรือที่รู้จักกันในนาม "ยาเขียวเหลือง" เป็นยาแก้ปวดที่ถูกออกแบบมาเพื่อบรรเทาความทรมานทางร่างกาย ได้ถูกเบี่ยงเบนวัตถุประสงค์และกลายเป็นส่วนประกอบหลักของ "สูตร 4x100" ที่แพร่หลายมาอย่างยาวนาน
เมื่อยานี้ถูกผสมเข้ากับสารกระตุ้นอื่น ๆ ในปริมาณที่ผิดปกติ มันได้แปรสภาพจากยาบรรเทาปวดให้กลายเป็นสารพิษที่ออกฤทธิ์กดประสาทและเป็นชนวนเหตุของการเสียชีวิตเฉียบพลัน
การระบาดครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงกระแสชั่วคราว แต่ได้หยั่งรากลึกในสถานการณ์ยาเสพติดของประเทศ ท่ามกลางการเฝ้าระวังและการปราบปรามอย่างเข้มข้นของหน่วยงานภาครัฐ บทความนี้จะเจาะลึกถึงภัยคุกคามที่ยังคงดำเนินอยู่ พัฒนาการของสูตรยาอันตราย และมาตรการล่าสุดในการรับมือกับวิกฤตที่คุกคามอนาคตของชาติ
รายงานจากกระทรวงสาธารณสุขเปิดเผยถึงสถานการณ์การใช้ยาในทางที่ผิดที่น่าเป็นห่วง โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนและวัยรุ่น สูตรยาเสพติดที่กำลังระบาดและสร้างความเสียหายอย่างรุนแรงคือ "สูตร 4x100" ที่มีการนำเอา "ยาทรามาดอล" (Tramadol) หรือที่รู้จักกันในชื่อ "ยาเขียวเหลือง" ซึ่งเป็นยาแก้ปวดในกลุ่มโอปิออยด์ชนิดอ่อน มาเป็นส่วนประกอบหลักในการออกฤทธิ์
ข้อมูลเชิงลึกระบุว่า "สูตร 4x100" เดิมคือสูตรยาเสพติดที่ใช้ใบกระท่อมผสมกับส่วนผสมอื่นๆ เพื่อให้เกิดอาการมึนเมา แต่ในปัจจุบันได้มีการ "อัปเกรด" สูตรโดยการใส่ยาทรามาดอลเข้าไปในปริมาณที่สูง หรือแทนที่ส่วนผสมเดิมทั้งหมด เนื่องจากยาดังกล่าวหาได้ง่ายกว่าและมีราคาไม่แพง
โดยมักมีการผสมร่วมกับเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของกาเฟอีน น้ำอัดลม ยาแก้ไอ หรือแม้แต่เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อเสริมฤทธิ์ให้ออกฤทธิ์กดประสาทและทำให้ผู้เสพเข้าสู่ภาวะมึนงง เคลิบเคลิ้ม ซึ่งเป็นที่มาของความนิยมในกลุ่มวัยรุ่น
อันตรายจากฤทธิ์ "กดประสาท" สู่ภาวะ "หัวใจวายเฉียบพลัน"
อันตรายร้ายแรงของยาทรามาดอลเมื่อถูกนำไปใช้อย่างผิดวัตถุประสงค์และในปริมาณที่สูงเกินขนาด ยาทรามาดอลเป็นยาที่ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทส่วนกลาง หากใช้ในปริมาณที่มากเกินไป อาจส่งผลให้เกิดอาการข้างเคียงที่รุนแรง เช่น:
- คลื่นไส้ อาเจียน
- อาการชักกระตุก
- หัวใจเต้นผิดจังหวะ หรือหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน
- ภาวะซึมเศร้าของระบบทางเดินหายใจ (Respiratory Depression) ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของการเสียชีวิต
การควบคุมที่เข้มงวดและการตอบสนองของภาครัฐ
จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีการยกระดับมาตรการควบคุมยาทรามาดอล โดยจัดเป็น "ยาอันตราย" ตามกฎหมาย ซึ่งการจำหน่ายต้องจำหน่ายโดยเภสัชกรในร้านขายยาเท่านั้น ห้ามจำหน่ายโดยบุคคลทั่วไป และมีการกำหนดปริมาณการขายที่จำกัด เพื่อป้องกันการนำไปใช้ในทางที่ผิด
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานปราบปรามยาเสพติดได้มีการเร่งกวาดล้างและจับกุมเครือข่ายผู้จำหน่ายยาเขียวเหลืองผิดกฎหมายอย่างเข้มข้น
ปฏิบัติการ "ตัดวงจรยาพิษ" ทลาย 3 เครือข่ายใหญ่ ยึดของกลางล้านเม็ด
ล่าสุดเมื่อวานนี้ (17 ธ.ค. 2568) กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย บก.ปคบ. และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้เปิดปฏิบัติการครั้งใหญ่ปูพรมตรวจค้น 10 จุด ในพื้นที่
- กรุงเทพมหานคร
- ชลบุรี
- สมุทรปราการ
- สิงห์บุรี
เพื่อกวาดล้างขบวนการมอมเมาเยาวชน ผลการปฏิบัติการสามารถยึด ยาทรามาดอลได้มากกว่า 1.3 ล้านแคปซูล และยาแก้ไอกว่า 10,000 ขวด รวมมูลค่าของกลางกว่า 20 ล้านบาท
จากการสืบสวนพบพฤติการณ์ที่น่าตกใจของกลุ่มเครือข่าย ซึ่งใช้ช่องว่างทางกฎหมายโดยการเปิดสถานพยาบาลและร้านขายยาบังหน้า เพื่อให้ได้โควตาในการสั่งซื้อยาทรามาดอลจำนวนมากผิดปกติ ก่อนจะลักลอบนำไปกระจายขายผ่านช่องทางออนไลน์และร้านขายยาในแหล่งชุมชน โดยมุ่งเป้าไปที่กลุ่มวัยรุ่นเพื่อนำไปใช้ผสมกับน้ำต้มใบกระท่อม
เปิดแผนผัง "4x100 มรณะ" จากร้านยาสู่โรงงานผลิตยาปลอม
ปฏิบัติการครั้งนี้สามารถแยกกลุ่มผู้กระทำความผิดออกเป็น 3 เครือข่ายหลัก:
1.เครือข่ายชลบุรี-สมุทรปราการ : ลักลอบจัดเก็บและจำหน่ายยาทรามาดอลพร้อมน้ำกระท่อมปรุงสำเร็จตามบ้านพักและห้องเช่า
2.เครือข่ายกรุงเทพมหานคร : พบการใช้ร้านยาบังหน้าเพื่อสต็อกยาทรามาดอลจำนวนมหาศาลกว่า 1.2 ล้านเม็ด และจับกุมผู้ต้องหาที่สวมรอยเป็นเภสัชกร
3.เครือข่ายโรงงานสิงห์บุรี : พบโรงงานลักลอบผลิตยาแก้ไอปลอม โดยใช้สารเคมีอันตรายและเครื่องจักรบรรจุขวดเพื่อส่งขายต่อให้ร้านค้าที่จำหน่ายน้ำกระท่อมโดยเฉพาะ


